Can't find it? here! find it

Monday, October 27, 2008

Bangkok ancient vehicle-รถราง


รถรางในสมัยก่อนเรียกว่า รถไอ เมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ได้มีการสัมปทานการเดินรถราง จากหลักเมืองไปตามถนนเจริญกรุงจนถึงถนนตก และใช้ม้าลาก ลากกันแบบช้า ต่อมาบริษัทรถรางได้หยุดวิ่งรถราง เพราะค่าโดยสารแพงสำหรับในสมัยนั้น ประมาณ 5 สตางค์ ขาดทุนและขายกิจการต่อให้กับบริษัทของประเทศอังกฤษแต่ก็ขาดทุนอีกและสุดท้ายก็ขายกิจการให้กับบริษทของประเทศเดนมาร์ก
ในสมัยนั้นมีการสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นแล้ว และได้มีการเปลี่ยนจากมาลากรถมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทน ที่เห็นก็คือเสาไฟฟ้าเป็นระยะ ๆ และมีคานเหล็กยื่นออกมาสำหรับติดสายไฟฟ้า สำหรับในเขตสัมพันธวงศ์รถรางวิ่งผ่านสะพานเหล็กบน ตามถนนเจริญกรุงมาถึงสะพานเหล็กล่าง บริษัทรถรางไทย ท.จ.ก. ในสมัยนั้นตัวย่อคนไม่ค่อยรู้จัก แปลกันไปและพูดกันเล่น ๆ ว่า ท่าจะเก่ง ทีจะโก้ ไทยจะโกง แปลกันไปต่าง ๆ นานา คำแท้จริงคือ ทุนจำกัด หรือ LIMITED ย่อว่า LTD. รถราง จะเป็นสีแดงทั้งคัน รถรางที่วิ่งในถนนเจริญกรุงมีเสาไฟฟ้าของรถรางเป็นระยะ ในเวลานั้นมีการสร้างรางให้รถรางวิ่งอยู่หลายสายหนึ่งในนั้นก็วิ่งผ่านถนนเจริญกรุง การเก็บค่าโดยสารเก็บเป็นระยะทางเช่น จากหลักเมืองถึงสามยอด (สถานีในสมัยนั้น) จะก็ค่าโดยสาร 3 อัฐ มีการทำกิจการรถรางอยู่ 2 บริษัท ของคนไทยและของฝรั่ง สำหรับของต่างประเทศก็มีแต่เป็นรถรางสีเหลืองทั้งคันเป็น ของชาวเดนมาร์ค เรียกว่ารถไอ ซึ่งวิ่งผ่านถนนเจริญกรุงและ ผ่านหน้าปากทางเข้าสำนักงาน เขตสัมพันธ์วงศ์(ในขณะนั้น สำนักงานเขตยังไม่จัดตั้งมีแต่ ป้อมปัจจนึกในสมัยนั้น) ทุกเช้าประมาณตีห้า จะได้ยิน เสียงทำความสะอาดรางโดยใช้เหล็กรูปโค้งพอดีกับรางมาเดินแซะราง เพราะถนนสมัยนั้นจะโรยด้วยอิฐก้อนเล็ก ๆ จำเป็นต้องแซะรางทุก ๆ เช้า จะได้ยินเสียงดัง แกรก ๆ และจะมีรถรางที่บรรทุกน้ำมารดน้ำบริเวณถนนเพื่อป้องกันฝุ่นซึ่งกระทำกันเป็นประจำทุก ๆเช้าในถนนที่มีรถราง







กาลเวลาผ่านไป เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น จนมีรถยนต์และรถเมล์เขามาแทนที่ รถรางจึงกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัย จนต้องยกเลิกการใช้งานไปอย่างน่าเสียดาย และค่อยๆถูกลืมเลือนไปในที่สุด

ปัจจุบันรถรางไม่ได้วิ่งบนรางแต่ถูกนำ มาใส่ล้อเขาไป ให้บริการนำเที่ยวบริเวณเกาะรอบรัตนโ

18 miracle in science

18 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์

๑. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก
1.Humen's blood vassel have totally 62,000 miles long. If you put it together. It may long as a gloab's radius.

๒. The Great Barrier Reef (แนวปะการังที่ยาวทีสุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 2000 กิโลเมตร
2.The Great Barrier Reef are the logest Austrarian things. 2,000 miles long.

๓. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตีด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9300 ปีต่อครั้ง
3. World may taking big asteroid attack once per 9300 years

๔. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือมีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัน
4.Neutron star which is big as head finge. Are 100,000,000 Tons

๕. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 ลูก
5. A Hurricane are producing the fire power as 8000 granades.

๖. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซึ่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน
6.Somebody predict that. 700,000,000 people have parasites in the body.

๗. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง
7.Fred Rompelberg are the fastest bicycle rider in the world. About 166.94mile/1 hour

๘. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า
8.Humen has discovered Laser which is lighter than sun X1,000,000

๙. 65% ของผู้ป่วยออทิสติคส์ เป็นคนถนัดซ้าย
9. 65% of Ortistic patient are good at left hand.


๑0. Finnish pine tree (ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์
10.Finnish pine tree root are about 30 miles distance



http://www.istockphoto.com/file_thumbview_approve/785243/2/istockphoto_785243_lone_pine.jpg
๑๑. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต
11. Salt that's in this world. Can cover this earth about 500 feet.

๑๒. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์นับหมื่นล้านล้านลิตร
12. Gases that in the group of the star called "Arrows,or archer up to you"
hascontains Alchohol 10,000,000,000 litre.
๑๓. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต
13. White bare can run 25 mile/hours fast, and jump highter than 6 feet
๑๔. กล้อง infared จับภาพหมีขั้วโลกได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนของมัน
14. Infared camera aren't be able to capture the north pole bare, Because of it's hair.
๑๕. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี คนเราจะกินสัตว์จำพวกเห็บลิ้นไร โดยไม่ได้ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี
15.Unfortunatly. We may eat somekind of lices,and louse about 430/a year
๑๖. รากของต้น Rye(ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา) สามารถแผ่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์
16. Rye's root are able to spread around 400 mile
๑๗. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดลงต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน
17. Mercyry's temperature are higher than 430 celcius degree in the morning, And lower than 180 degree in a night
๑๘. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ(ในรูปของไอน้ำ)ออกมา 10 - 25 แกลลอน 18. In 24 hours Oak tree are about to steam the water 10-25 gallon
๒๐. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรู้ว่าใบไม้และดอกไม้ที่มันสัมผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่
20 Butterfly are tasting by the back legs. Those making body knows that's be able to eat or not?

Thursday, October 23, 2008

Becteria 250,000,000 years

ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่านักชีววิทยาได้ทำการปลุก แบคทีเรียซึ่งมีอายุถึง 250 ล้าน
ปีให้ตื่นจากการหลับไหล นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวที่สุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกทีเดียว สปอร์ของแบคทีเรียดังกล่าวได้ฝังตัวอยู่ในผลึกเกลือ ซึ่งค้นพบที่รัฐนิวแม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าแบคทีเรียนิททรานี้มีชื่อว่า Bacillus permians ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยนักชีววิทยาได้เจาะเข้าไปในผลึกเกลืออย่างระมัดระวัง และ ดูดเอาของเหลวจากข้างในผลึก แล้วนำมาเพาะให้งอกงามอีกครั้งหนึ่ง การมีค้นพบครั้งนี้นับเป็นการกระตุ้นคำถามสำคัญที่ว่า ในเมื่อแบคทีเรียดังกล่าว มีชีวิตยืนยาวได้ถึง 250 ล้านปี เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันจะสามารถมีชีวิตได้อีก ต่อไปอีก 250 ล้านปีข้างหน้า หรือมากกว่านั้น หลักฐานข้างต้นทำให้เป็นไปได้ว่า แบคทีเรียอาจจะมีอายุยืนยาวพอ ที่จะสามารถขนถ่าย จากดาวดวงหนึ่งไปยังอีกดวง หรือจากระบบสุริยะจักรวาลหนึ่ง ไปยังอีกอัน หรือชีวิตบนโลกจะมาจากห้วงอวกาศ?

History of yellow pages-Thai

The very first time the term yellow pages was used was in 1883. A printer working on a regular
ครั้งแรกสุดของบริษัทหน้าเหลือง ครั้งแรกใช้ในปี ๑๘๘๓. โดยครั้งแรกนั้นมีการเขียนลงในหนังสือสมุด
telephone directory ran out of white paper and used yellow paper instead.
โทรศัพท์ในสมัยนั้น และส่งถึงผู้รับโดยตรงโดยใช้กระดาษที่ใช้แล้ว(ซึ่งเป็นสีเหลือง).
In 1886, Reuben H. Donnelly produced the first Yellow Pages directory featuring business
ในปี ๑๘๘๖ รูแบ็ง เฮ็ช ดอนเนลลี่ ได้สร้างหนังสือหน้าเหลืองเล่มแรก ซึ่งมีชื่อ-สถานที่-เบอร์โทร
names and phone numbers, categorized by the types of products and services provided.
และได้ลงเป็นอารายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ
In 1909, St. Louis produced the first Yellow Pages directory with coupons.
๑๙๐๙ เซ็นซ์ หลุยส์ ได้สร้างหนังสือหน้าเหลืองและแนบด้วยคูปอง

เพิ่มเติมวันหลัง

yellow pages-ancient poster





























yellow pages-cool right!?



Way they eat. making their head big.

กลืนอาหาร-เหตุไดโนฯตัวโต

ไดโนเสาร์ เช่น เจ้าซอโรพอดส์ เป็นสัตว์บนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตบนโลก การที่มันมีวิ วัฒนาการที่ดี เป็นเพราะมันกลืนอาหารโดยไม่เคี้ยว ซอโรพอดส์มีน้ำหนักเฉลี่ย 88 ตัน มากกว่าช้างแอฟริกันราว 10 เท่า และสูงประมาณ 7 เมตร ซึ่งไดโนเสาร์เหล่านี้เริ่มอาศัยอยู่บนโลกเมื่อปลายยุคครีเทเชียส หรือ 140 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วจากการวิเคราะห์ฟอสซิลซอโรพอดส์ พบว่า ในช่วงแรกเกิดมันมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ภายใน 20-30 ปี น้ำหนักมันปาเข้าไปถึง 100,000 กิโลกรัมดร.มาร์ติน แซนเดอร์ นักสัตว์และพืชโบราณวิทยา จากมหาวิทยาลัยบอนน์ ประเทศเยอรมนี หนึ่งในผู้ศึกษา กล่าวว่า "การที่ไดโนเสาร์กินพืชมีร่างกายใหญ่โตอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อกินพวกมันเป็นอาหาร มันกลืนพืชผักลงไปเลย ไม่ได้เคี้ยว และนี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มันมีลำคอยาว เพื่อกินพืชที่อยู่สูงๆ ลำคอยาวยังช่วยในการย่อยด้วย"

Sunday, October 19, 2008

Starbuck are like this?


เปิดน้ำประปาทิ้ง
สตาร์บัคส์ ร้านกาแฟชื่อดัง ถูกกล่าวหาว่าใช้น้ำประปาเปลืองมาก นับแล้วเสียน้ำวันละหลายล้านลิตรต่อวัน ผู้ที่เปิดเผยข่าวคือ นางลิซ่า วูลฟี ชาวเมืองเฮดฟอร์ดไชร์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "ฉันเห็นอ่างน้ำหลังเคาน์เตอร์เปิดน้ำไหลอยู่ตลอด จึงถามกับพนักงาน เขาตอบว่า เป็นนโยบายของสตาร์บัคส์ที่ต้องการเปิดน้ำทิ้งไว้ เพื่อให้ท่อน้ำสะอาด ฉันฟังแล้วแทบไม่เชื่อ จึงโทรศัพท์ไปถามที่สำนักงานใหญ่ ก็ได้คำตอบเดียวกัน น้ำนี้ไม่ได้นำไปรีไซเคิลด้วย"สตาร์บัคส์มีกว่าหมื่นสาขาทั่วโลก ส่วนในอังกฤษมี 698 สาขา หมายความว่า ถ้าเปิดน้ำประปาไว้เช่นนี้ตลอด ก็จะเปลืองน้ำเฉพาะในอังกฤษถึงวันละ 1.6 ล้านลิตร นายปีเตอร์ โรบินสัน เจ้าหน้าที่ขององค์กรสิ่งแวดล้อม "เวสต์วอตช์" กล่าวว่า "นโยบายเปิดน้ำประปาไว้ตลอดเวลานี้น่าตกใจมาก" ขณะที่สตาร์บัคส์โต้ว่า การเปิดน้ำไว้ดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อการล้างช้อนให้สะอาด เพื่อไม่ให้นมตกค้าง

Olympic underwater world


โอลิมปิกใต้น้ำรับตรุษจีน
ตรุษจีนปีนี้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ "พิภพใต้ธารา-Underwater World" ในเมืองชิงเตา กระฉูดไอเดียเริด... จัดแข่งขัน "โอลิมปิกใต้น้ำ" โปรโมตมหกรรมกีฬา "โอลิมปิก 2008" ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ และเมืองชิงเตาเป็นสนามแข่งเรือใบ
ตามข่าว นสพ.ชิงเตา มอร์นิ่ง โพสต์ โอลิมปิกใต้น้ำจัดช่วงเทศกาลตรุษจีนไปปิดฉากลงวันที่ 12 ก.พ. เกมที่จัดให้ชิงชัยมีหลายชนิดรวมทั้ง ฟันดาบ ยิงปืน จักรยาน ยิมนาสติก กรีฑา โดยปรับปรุงกฎ กติกา ให้เหมาะสมกับสภาวะใต้ธารา
อาทิ ฟันดาบ ผู้เข้าแข่งขันต้องประคองตัวทรงตัวต่อสู้กันบนสายเคเบิลเหล็กกล้า ฝ่ายใดพลัดตกจากสายเคเบิลก่อน คนนั้นคือผู้ปราชัยพ่ายแพ้
ส่วนกีฬายิงปืน อาวุธนักแม่นเป้าจะเป็น "ปืนฉมวก" ยิงลูกศรฉมวกเจาะลูกโป่งที่แขวนบนแผ่นกระดาน ใครรัวได้รวดเร็วแม่นยำที่สุด นั่นแลผู้พิชิตเหรียญทอง
โฆษกคณะกรรมการจัดงานชี้แจงว่า กีฬาบางประเภท เช่น ยิมนาสติก เล่นใต้น้ำง่ายกว่าบนบก เพราะนักกีฬาจะรู้สึกร่างกายเบาพลิ้วไสวกว่า
ข้อสำมะคัญยิ่งยวด... ทั้งนักกีฬาและกรรมการต้องดำน้ำเก่งชั้นอ๋อง หากดำน้ำไม่เอาไหน ว่ายน้ำไม่เก่งจงอย่าสะเออะแหยม!?

Problem of Olympic

ปัญหา"โอลิมปิก"

นับถอยหลังลงคลอง..เอ๊ย..นับถอยหลังเข้าใกล้วันเริ่มต้นการแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษย์ชาติ "โอลิมปิก 2008" เดือนสิงหาคมนี้ในกรุงปักกิ่งเข้าไปทุกขณะปัญหาปวดหัวใหญ่ๆ รัฐบาลจีน ในฐานะเจ้าภาพ เตรียมรับมือพร้อมหมด ทั้งเรื่องสารพัดม็อบที่จะฉวยโอกาสประท้วงผ่านทีวีไปทั่วโลก หรือ ปัญหาอากาศเป็นพิษแต่ปัญหาเล็กๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ในสายตา "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" ที่จะไปชมโอลิมปิกก็กำลังเร่งแก้ไขเหมียนกัลล์นั่นก็คือ เสียงโวยวายว่า "ห้องน้ำ" ตามสนามแข่ง 37 แห่งนั้นเป็น "ส้วมซึม" แทบทั้งหมด ฝรั่งก็เลยปลดทุกข์ไม่ถนัดถนี่ เพราะไม่ชินกับการนั่งยองๆ!ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดูแลสนามแข่งจึงต้องเปิดแถลงข่าวใหญ่โต ว่า "มิต้องห่วงขอรับ เพราะพวกเราได้สั่ง "โถส้วม" 500,000 กว่าอันมาติดตั้งให้แขกเหรื่อจากโลกตะวันตกได้นั่งถ่ายสบายก้นกันอย่างมีความสุขเรียบร้อยแล้ว!"นี่เผลอๆ ถ้าโดนบ่นมากๆ เข้าไม่แน่จีนอาจติด "โถส้วมทองคำ" ประชดซะเลย ให้มันรู้ซะมั่งว่าชาติรวยอย่างข้าทำได้ทุกอย่าง!

Problem of Olympic

ปัญหา"โอลิมปิก"

นับถอยหลังลงคลอง..เอ๊ย..นับถอยหลังเข้าใกล้วันเริ่มต้นการแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษย์ชาติ "โอลิมปิก 2008" เดือนสิงหาคมนี้ในกรุงปักกิ่งเข้าไปทุกขณะปัญหาปวดหัวใหญ่ๆ รัฐบาลจีน ในฐานะเจ้าภาพ เตรียมรับมือพร้อมหมด ทั้งเรื่องสารพัดม็อบที่จะฉวยโอกาสประท้วงผ่านทีวีไปทั่วโลก หรือ ปัญหาอากาศเป็นพิษแต่ปัญหาเล็กๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ในสายตา "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" ที่จะไปชมโอลิมปิกก็กำลังเร่งแก้ไขเหมียนกัลล์นั่นก็คือ เสียงโวยวายว่า "ห้องน้ำ" ตามสนามแข่ง 37 แห่งนั้นเป็น "ส้วมซึม" แทบทั้งหมด ฝรั่งก็เลยปลดทุกข์ไม่ถนัดถนี่ เพราะไม่ชินกับการนั่งยองๆ!ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดูแลสนามแข่งจึงต้องเปิดแถลงข่าวใหญ่โต ว่า "มิต้องห่วงขอรับ เพราะพวกเราได้สั่ง "โถส้วม" 500,000 กว่าอันมาติดตั้งให้แขกเหรื่อจากโลกตะวันตกได้นั่งถ่ายสบายก้นกันอย่างมีความสุขเรียบร้อยแล้ว!"นี่เผลอๆ ถ้าโดนบ่นมากๆ เข้าไม่แน่จีนอาจติด "โถส้วมทองคำ" ประชดซะเลย ให้มันรู้ซะมั่งว่าชาติรวยอย่างข้าทำได้ทุกอย่าง!

Weird law of Olympics


กฎเข้ม ‘โอลิมปิก’
อาจเป็นเพราะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับโลก ‘โอลิมปิก'...ทางการจีนจึงได้ออกกฎสุดแปลกให้ชาวบ้านต้องงง!
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระบุว่า การให้ประชาชน ร้านอาหาร ร้านค้า โรงงานผลิตมีด ต้องรายงานจำนวนมีดที่มีไว้ในครอบครอง พร้อมกับระบุรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน หรือ การนำมีดมาขึ้นทะเบียน เป็นการป้องกันการก่อเหตุรุนแรงในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเป็นการเก็บข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการสืบหาเบาะแสบางอย่างได้ในอนาคต
ทางการจีนยังชี้แจงด้วยว่า การกระทำดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะ มีด ถือเป็นของมีคมที่ใช้เป็นอาวุธในการสังหารผู้คนได้ โดยไม่ใช่แค่การเปิดให้แจ้งการครอบครองมีด ยังรวมถึงมาตรการตรวจเข้มสัมภาระของทุกๆ คนอย่างละเอียด
ไม่รู้ว่า กลัวเหตุร้ายจะเกิดในช่วงโอลิมปิก หรือกลัวสูญเสียอำนาจการปกครองแบบคอมมิวนิสต์กันแน่!.

power from mind

พลัง............จิตใต้สำนึก

จิตใต้สำนึก คือฐานข้อมูลของความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นซ้ำกันบ่อยๆ จนตกตะกอนแล้วจิตใต้สำนึกไม่ได้เชื่อมต่อกับทวารทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ดังนั้นจึงไม่รับรู้ว่า เห็นอะไร ได้ยินอะไร แต่จะบันทึกเฉพาะส่วนที่เป็นความรู้สึกพร้อมกับภาพในจินตนาการเท่านั้นหากคุณรู้สึกอิจฉาริษยาในความสำเร็จ
การได้เลื่อนตำแหน่งหรือความร่ำรวยของผู้อื่นจิตใต้สำนึกก็จะเข้าใจว่า คุณไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ จึงบันดาลให้คุณไม่มีโอกาสได้พบดังนั้นจึงควรร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อส่งสัญญาณ ไปยังจิตใต้สำนึกว่า คุณก็ต้องการประสบสิ่งเหล่านี้เช่นกันจิตใต้สำนึกจะไม่เข้าใจสมมติของโลก เช่นจำนวนเงิน แต่จะบันทึกไว้ในรูปของความรู้สึกแทนดังนั้นคนที่ทำบุญสิบบาท ด้วยความรู้สึกศรัทธาเต็มเปี่ยม กับคนที่ทำบุญแสนบาทด้วยความศรัทธาเท่ากันข้อมูลที่จะบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกก็จะเท่ากัน จิตใต้สำนึกจะแยกไม่ออกระหว่างภาพในจินตนาการกับภาพจากประสบการณ์จริงดังนั้น การที่คุณสร้างจินตนาการในใจขึ้น ก็เหมือนกับเป็นการบอกจิตใต้สำนึกบันทึกภาพนี้ไว้บันดาลให้เกิดขึ้นจริงต่อไปจิตใต้สำนึกเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ต่างจากจิตสำนึกซึ่งเกี่ยวข้องกับความคิดและสมองจิตใต้สำนึกไม่เข้าใจภาษา แต่จะบันทึกเฉพาะสิ่งที่เป็นความรู้สึก
จึงไม่เข้าใจคำว่า "ไม่" "อย่า" ดังนั้นคุณจึงควรคิดแต่ทางบวก อย่าไปคิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ เช่นไม่ควรคิดว่าฉันไม่อยากอ้วนแต่ให้เปลี่ยนเป็นรูปร่างในฝันของฉันคือผอมเพรียวเมื่อคุณฝึกคิดบวกจนเป็นนิสัย จิตใต้สำนึกก็จะบันดาลให้สิ่งที่ดิดเกิดขึ้นจริงแล้วจะพบว่าสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตคุณมากมายอย่างไม่น่าเชื่อแต่ทั้งนี้การจินตนาการภาพในใจนั้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้หากคุณมีความอยาก เกิดขึ้นในใจเพราะความอยากหรือพุทธศาสนาเรียกว่า ตัณหา เป็นตัวปิดกั้นศักยภาพการทำงานของพลังจิตใต้สำนึก เพราะความอยาก ทำให้คุณวิตกกังวล รุ่มร้อน ไม่สงบ และผลที่ตามมาคือความไม่เชื่อมั่น และเกิดความลังเลสงสัย ดังนั้นต้องลดอยาก หยุดอยาก และไม่คิดอยาก แต่จงเปลี่ยนเป็นความเชื่อแทน

African kings


AGBOLI-AGBO DEDJLANI King of Abomey Benin


IGWE KENNETH NNAJI ONYEMAEKE ORIZU III Obi of Nnewi Nigeria



BOUBA ABDOULAYE Sultan of Rey-Bouba Cameroun

OBA JOSEPH ADEKOLA OGUNOYE Olowo of Owo Nigeria



EL HADJ MAMADOU KABIR USMAN

ABUBAKAR SIDIQ Sultan of Sokoto Nigeria

Saturday, October 18, 2008

soon humen may...........

อนาคตอีก1000ปีข้างหน้ามนุษย์จะสูญสื้น
อ่านไม่จบไม่เป็นไรคับอ่านซักหัวข้อเดี่ยวก็พอ อ่านแล้วใจหายคับ
หากจะถามคนทั่วๆ ไปว่า โลกเราในอีก 1,000 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คำตอบที่ได้อาจจะบอกว่า 'ไม่ทราบ' เพราะหนึ่งสหัสวรรษนับจากนี้ เป็นช่วงเวลาในอนาคตที่ยาวนานมาก ถ้าจะให้จินตนาการไปสนุกๆ ก็คงทำได้ แต่หากจะให้ตอบโดยอาศัยตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ คงจะเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย

หลังจากที่คนทั้งโลกเพิ่งจะผ่านช่วงที่น่าตื่นเต้นที่สุด ของการเปลี่ยนแปลงปีคริสต์ศักราช 1999 เข้าสู่ปี 2000 ซึ่งถือเป็นสหัสวรรษใหม่ได้ไม่ถึงเดือน ศาสตราจารย์เอียน แองเจล แห่งลอนดอน สคูล ออฟ อีคอนอมิคส์ ซึ่งกำลังจะมีผลงานหนังสือ ชื่อ The New Barbarian Manifesto ซึ่งทำนายเกี่ยวกับอนาคต ออกวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ ได้มองไปถึงโลกในอีก 1,000 ปีข้างหน้า

แองเจล มองว่า อีก 1,000 ปี คงจะไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ บนโลกอันแสนโสภาใบนี้แล้ว เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น โลกของเราก็จะมีมนุษย์มากเกินไปและจะต้องประสบกับ สภาวะขาดแคลนอาหาร เพราะมนุษย์ในอนาคต ได้บริโภคอาหารที่เป็นพวกเมล็ดพืชและพืชสีเขียวจนหมดเสียแล้ว

ขณะเดียวกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาของอังกฤษได้ทำนายว่า ในช่วงปี ค.ศ.3000 ข้างหน้า โลกของเราจะไม่มีสถานที่ ให้สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยเสียแล้ว การคาดการณ์นี้เกิดขึ้นจากสมมติฐานว่า หากยังคงมีการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในปริมาณเท่ากับปัจจุบัน อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในตอนนี้ อาจจะทำให้โลกของเรา มีอากาศร้อนเพิ่มเป็นสองเท่าในอีก 1,000 ปีข้างหน้าก็เป็นได้

จีออฟ เจนกินส์ หัวหน้าศูนย์อุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ที่แฮดลีย์ กล่าวว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังว่าจริง ผืนน้ำแข็งทางบริเวณตะวันตก ของทวีปแอนตาร์คติกจะละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูง เพิ่มขึ้นอีก 5 เมตร และทำให้หลายประเทศต้องจมอยู่ใต้น้ำ

เจนกินส์ ยังบอกต่อด้วยว่า มนุษย์เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้ สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างชนิดเยียวยาได้ยาก ในอนาคต หลายประเทศคงจะต้องหาทางปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด หรือหากทำได้อาจจะต้องถึงขั้นหาที่ตั้งประเทศกันใหม่เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันเริ่มต้นศตวรรษที่สาม หลังการถือกำเนิดของพระเยซู ซึ่งจะเริ่มอย่างแท้จริง ในวันที่ 1 มกราคม 2001 คำทำนายทุกอย่างจะกลายเป็นจริงหรือไม่ ยังเป็นแค่ 'คำพยากรณ์' เท่านั้น เพราะบางอย่างอาจจะไม่เลวร้าย อย่างที่คิดกันไว้ก็ได้

บางครั้งสิ่งที่เราเชื่อเราคิดกันอยู่ก็เป็นเรื่องของการตามกระแส ดูอย่างตามแนวคิดซึ่งเป็นที่นิยมกันแพร่หลายในช่วงอายุคนที่ผ่านมา อาทิเช่น ความเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดสังคมอุดมคติขึ้น หรืออาจจะเกิดมนุษย์สายพันธุ์พิเศษผู้มากล้นความเก่งกาจ และสามารถไปเสียทุกเรื่องที่เรียกกันว่า ซูเปอร์ ฮิวแมน แต่มาถึงวันนี้ ความเชื่อในเรื่องนี้ดูจะลดน้อยถอยลงมาก จนแทบจะสูญพันธุ์ ถ้าพูดถึงสังคมอุดมคติหรือยูโธเปียในขณะนี้ จะมีสักกี่คนที่คิดว่าจะมีโอกาสเป็นจริงได้

ฮามิช แม็คแร นักเขียนด้านการเงิน และยังเขียนหนังสือขายดีประจำปี 2538 ที่มีชื่อว่า The World in 2020 บอกว่า เขาไม่สามารถทำนายได้หรอกว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในอีก 1,000 ปีข้างหน้า แต่สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้ในตอนนี้ก็คือ มนุษย์เราจะยังคงมีสมองแบบเดียวกับปัจจุบันนี้

"ยุคนี้คนเราก็มีมันสมองในระดับเดียวกับคนในยุคโรมัน ซึ่งมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เมื่อ 2000 ปีก่อน ดังนั้น ในปี 3000 คนเราก็อาจจะแค่สูงขึ้นนิดหน่อย หรือผอมลงไปบ้าง หรืออาจจะอ้วนขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้ว เชื่อว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์อย่างในปัจจุบันนี่แหละ" แม็คแร กล่าว

ขณะที่สมาคมอนาคตของโลก ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ ทำนายว่า ในอีก 100 ปีข้างหน้า โลกของเราจะมีคนชรามากขึ้น มีภาษาใช้น้อยลง, มีแหล่งน้ำน้อยลงและมีแมลงมากขึ้น ในเวลาเดียวกันจะมีคนเป็นหมันมากขึ้นด้วย แต่มนุษย์เรา จะมีเครื่องไม้เครื่องมือทางชีวภาพที่มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาข้อมือ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลทางสุขภาพทุกอย่างของผู้สวมใส่

ในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แม็คแร มีความคิดว่า อินเทอร์เน็ตจะสามารถให้บริการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้คนทั่วไปได้

ส่วน เอียน แพร์สัน แห่งบริทิช เทเลคอม ได้ทำนายการอนาคตไว้ว่า จะมีเครื่องประดิษฐ์ใหม่ๆ ออกมามากมาย อาทิ เช่น คอนแท็คเลนส์ที่มีการทำงานเหมือนเครื่องเทเลพร็อมพ์เตอร์ ชนิดหนึ่ง อาทิเช่น จะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนเก่า ที่คุณอยากจะทักแต่จำชื่อไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต อาจจะทำให้บรรดาพ่อครัว-แม่ครัว หรือผู้ที่ชอบตุนอาหารไว้ รับประทานในตู้เย็น อาจจะต้องมีเรื่องชวนให้หงุดหงิดใจมากขึ้น เพราะอาจจะมีตู้เย็นชนิดพิเศษที่จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ของผู้ใช้ไม่ให้อ้วนเกินไป ด้วยการตั้งเวลาล็อกฝาตู้ แถมยังมีกล้องวิดีโอคอยจับภาพว่า ใครหยิบอะไรออกไปจากตู้บ้าง ที่ร้ายก็คือ อาจจะมีเตาไมโครเวฟที่ไม่ยอมทำงาน หากมีการใส่อาหารที่มีปริมาณแคลอรีสูงเกินไปใส่เข้าไปในเครื่อง

แองเจล ได้ทำนายว่า ตราบที่ยังมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้ ช่องว่างระหว่างความร่ำรวยและความยากจน ก็จะยิ่งหนีห่างออกจากกันไปทุกที ประเทศที่มีรัฐบาล ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนร่ำรวย และให้พวกเขากระตือรือร้น ในการทำมาหากินสร้างความร่ำรวย จะเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ และศูนย์กลางความเจริญ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในบางส่วนของสหรัฐ ขณะที่ส่วนใหญ่ของโลกจะตกอยู่ในสภาวะไร้สิ้นความหวัง แต่ในส่วนที่เป็นศูนย์กลางความเจริญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะยอดเยี่ยม

ในขณะที่ วิลเลียม รีส์ ม็อกก์ คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ไทมส์ อังกฤษ ได้ทำนายอนาคตในชั่ว 1 อายุคน ในลักษณะที่ตรงกันข้ามว่า โลกของเราน่าจะมีชนชั้นกลางมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย และยูโร-อเมริกา ส่วนแม็คแรได้ทำนายในสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นว่า เงินยูโร ซึ่งกำลังจะเป็นเงินสกุลเดียวของยุโรปในอนาคต จะถูกเลิกใช้ภายในเวลา 10 ปี และในเวลา 25 ปี รัสเซียจะฟื้นตัวจากการตกต่ำ

โดยทั่วๆ ไปแล้ว อนาคตของโลกจะมีความเจริญเฟื่องฟู แต่หากสหรัฐไม่สามารถเป็นผู้รักษาความสงบของโลกได้อีกต่อไปแล้วละก็... อาจจะเกิดสิ่งที่เลวร้ายขึ้นได้ในชั่วอายุคนถัดไปหลังปี 2020 นอกจากนี้ แม็คแรยังได้เตือนผู้ที่ทำนายอนาคตของโลก ในระยะเวลาเพียงชั่วอายุคนว่า ควรจะดูพื้นฐานความเป็นจริง ในสภาพปัจจุบันด้วย ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี หลายสิ่งหลายอย่าง ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เรายังคงมีชีวิตอยู่ในบ้านแบบเดิมๆ, รับประทานอาหารเดิมๆ และยังคงมีโทรทัศน์ดูอยู่เช่นเดิม

ในช่วงเวลาเพียง 1 ชั่วอายุคน สิ่งต่างๆ จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักหรอก... แต่ในอีก 1,000 ปีข้างหน้าล่ะก็ไม่แน่เหมือนกัน