Can't find it? here! find it

Thursday, August 22, 2013

Soviet/Russian space program in Thai

การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นอาจไม่มีกฏหมายหรือ อะไรรับรองได้แต่นั่นเป็นสมบัติของคนต่ำ มันสื่อถึงรากง่าวของบิดามารดาทุกท่านที่คิดจะคัดลอกบทความแปลผม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นอาจไม่มีกฏหมายหรืออะไำรรับรองได้แต่ นั่นเป็นสมบัติของคนต่ำ มันสื่อถึงรากง่าวของบิดามารดาทุกท่านที่คิดจะคัดลอกบทความแปลผม หากมีความคิดเห็น ขอขอบคุณที่ทุกท่านมองเห็นและคลิกที่รูปดินสอไต้บรรยาย
      หลัง จากไม่ได้อัพเดทบล็อกนี้มานานแสนนานมันถึงเวลาที่จะลดละการทำบทความเกี่ยว กับสงครามแปซิฟิคลงไปบ้างก็ดี เนื่องจากรายการแฟนพันธุ์แท้ กำลังจะทำการท้าชิงเกี่ยวกับเรื่องราวของ  "Apollo" ซึ่งนับว่าการเขียนเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามของ"อเมริกัน"ก็เป็นเรื่องที่ดี เหมือนกัน เอาล่ะมาเริ่มกันเลยกับ

Soviet/Russian Space program
*ทุกสิ่งทุกอย่างส่วนใหญ่แปลมาจาก วิกีพีเดียและก็ตามเว็ปในเครดิต

กำเนิดโครงการอวกาศ

 

Prewar efforts



คอนสแตนติน ซีคอฟสกี, หัวหน้าช่างประจำภารกิจการเดินทางๆอวกาศ


                ทฤษฏี การสำรวจอวกาศนั้น ถูกก่อตั้งในจักรวรรดิรัสเซีย ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก   จากผลงานการเขียน ของนักวิทย์ฯนาม คอนสแตนติน ซิคอฟสกี้, ซึ่ง ได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในช่วงศัตรวรรษที่ 19 และช่วงต้นศัตรวรรษที่ 20 และในปี 1929 และได้นำเสนอเกี่ยวกับ หลักการ"การปล่อยจรวดแบบหลายขั้นตอน"ลงไปในหนังสือด้วย      ในทำนองเดียวกันในเชิงปฏิบัติ
นั้นถูกจัดตั้งขึ้นโดยการทดลอง     ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มที่ศึกษาการขับเคลื่อนปฏิกิริยา GIRD ในช่วงปีค.ศ. 1920 กับปีค.ศ. 1930, ซึ่งนักวิทฯอย่าง ซาเกย์ โคโรยอฟ—ผู้ไฝ่ฝันที่จะเดินทางไปดาวอังคาร
 ในวันที่ 18 สิงหาคม 1933  องกร GIRD ได้ทำการปล่อยจรวดลูกแรกที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเหลว Gird-09 และในวันที่ 25 พฤศจิกายน 1933 จรวดลูกผสมเชื้อเพลิงลูกแรกได้ถูกปล่อยออก GIRD-X. ในปี 1940-41 อีกก้าวหนึ่งของวิทยาการก็ถูกสร้างขึ้น ซึ่งก็กลายเป็นผลิตผลของรถยิงจรวดที่รู้จักกันดีมากที่สุดนั่นคือ คัดตูฉะ หรือรถยิงจรวดชุด

เยอรมัน

                 ช่วงปี 1930 During the 1930 วิทยาการจรวดของโซเวียดนับว่าเทียบเคียงกับเยอรมันได้   แต่ โจเฟซ สตาลินได้ทำลายภารกิจดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์หลายคนถูกสังหาร ส่วน ซาเก โคโรยอฟและผองเพื่อนก็ถูกส่งไปใช้แรงงานที่ Gulag แต่อย่างไรก็ดีผลงานการวิจัยจรวดนั้นช่างมีประสิทธิภาพ ในแนวหน้าตะวันออก(Eastern Front)ในสงครามโลกครั้งที่สอง     
                 ความก้าวหน้าของวิทยาการเยอรมันทำเอาวิศวกรรัสเซีย
งงเป็นไก่ตาแตก แม้ว่าชาวอเมริกันจะแอบลักพาตัวนักวิทยาศาสตร์เยอรมันชั้นนำมากที่สุดและ จรวด V2  100 ลูกไปอเมริกา(ไม่ค่อยเลยลุงแซม)ในระหว่าง ปฏิบัติการณ์ คลิปแหนีบกระดาษ  
โครงการรัสเซียก็มีเช่นกันรวมทั้งบันทึกทางวิทยาสาสตร์
ภายไต้การกำกับของ  Dimitri Ustinov, Korolyov และผู้ตรวจการคนอื่นๆซึ่งสนับสนุนทฤษฎีโดย1 Helmut Gröttrup และผองเพื่อนจนกระทั่งในปี 1950 พวกเขาได้สร้าง แบบจำ
ลองเรียกว่า V-2 แต่ตั้งชื่อใหม่เรียกว่า  R-1, ด้วยความต้องการในช่วงสงครามนิวเคลียร์จำเป้นต้องมีความเร็วมากๆ จรวดของ Korolyov OKB-1 จังถูกสร้างขึ้น
และ R-7 Semyorka intercontinental ballistic missile (ICBM) ซึ่งถูกทดสอบสำเร็จในเดือนสิงหาคม ปี 1957

สปุตนิก กับวอลสต็อก


ยูริ กาการิน บุรุษคนแรกที่เดินทางไปอวกาศ

               โครงการอวกาศรัสเซียนั้น ถูกผูกขาดกับสหพันธรัฐรัสเซีย แผนโครงการห้าปี ในตอนแรกเริ่มนั้นถูกใช้เพื่อการทหาร    
,แต่ โคโรยอฟตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มเลยว่าจะลงมือทำเพื่อให้ฝันเป็นจริงซึ่งนั่นก็ คือการท่องอวกาศ  แต่ยังไงๆก็ต้องรักษาเรื่องโครงการวิทยาสาสตร์ของเขาใว้เป็นความลับขั้นสุด ยอด
หลังจากการทดลองจรวด ปรมาณู ลูกแรกในปี 1947  จรวดได้ถูกทดลองความสามารถในการนำหัวรบนิวเคลียร์ในการยิงไปถึงอเมริกาได้ สำเร็จ  สมัยนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ขบขันเอาการสำหรับความคิดของการเปิดตัวดาวเทียม และยานอวกาศที่มีพลขับ อย่างไรก็ตามจรวดโซเวียตก็ เป็นเจ้าแรกที่นำสัตว์ส่งไปในอวกาศในเดือนกรกฎาคมปีค.ศ. 1951 ซึ่งส่งสุนัขที่มีชีวิตหลังจาก เดินทางไปในห้วงอวกาศ ที่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 101 ก.ม.  แต่อเมริกากลับทำสำเร็จได้ก่อนสองเดือนแล้ว(แต่ตอนหลังๆก็ถูกพิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับ นีล อาร์มสตรอง)

              ความน่าเชื่อถือ R-7 ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการจัดส่งเชิงยุทธวิธีสำหรับขีปนาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็ถูกต้องอคติมากเหมือนกัน
ด้วยอเมริกันได้ประกาศในงานวิทยาศาสตร์โลกประจำปี ว่าจะวางแผนที่จะยิงกระสวยอวกาศในเดือน กรกฎาคม ปีค.ศ. 1955  ซึ่งทาง หัวหน้าอย่าง  นิกิต้า ครูชเยฟ ที่จะสนับสนุนแผนการของเขาในเดือนมกราคมปี 1956 เพื่อที่จะทำให้ได้ก่อนอเมริกันไปถึง
และ ในที่สุดแผนโครงการสปุตนิกก็ "ฉลุย" และโครงการนำจรวดไร้คนขับ และในที่สุดโครงการ ปล่อยจรวดไร้คนขับก็ถูกส่งไปในอวกาศในปี 1964 พร้อมกับ โครงการจรวดไร้คนขับ ลูนา
      หลังจากสปุตนิกลำแรกถูกปล่อยออกไป ก็ถูกพิสูจน์ว่า เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของรัสเซีย

เงินทุนและการสนับสนุน

          การระดมทุนของกองทัพโซเวียตจะมุ่งเน้นไปที่ อำนาจของจรวด 'และโครงการอวกาศ ใน ขณะที่ ยุโรปตะวันตกเชื่อว่า 
ครูชเยฟจะสั่งจรวดเพิ่มเพื่อการส่งเสริมโฆษณาชวนเชื่อให้เจ๋งขึ้นแต่ก็ยังแล ดูไม่ติดฝุ่นอยู่ดีเมื่อเทียบกับอะพอลโล


แผนการวางระบบก็ยังคงอยู่กับเหตุผลทางการทหาร เป็นสำคัญ แต่เนื่องจากมีผู้ชายคนแรกของโลกแล้วและแน่นอนก็ได้ส่ง วาเลนตินา เทเลชิคอวา, เป็นผุ้หญิงคนแรกของโครงการ(และของโลก)ที่ไปอวกาศไปกับ วอลสต็อก 6 ในปีค.ศ. 1963(ในรูป)


 


        ภารกิจยังคงอยู่ในโครงการอย่างต่อเนื่องสำหรับเพื่อใช้ในการ รบเป็นหลัก มากกว่าจะใช้ในทางวิทยาศาสตร์ เช่น รัฐบาลได้มอบหมายคำสั่งที่สุดแสนจะทะเยอทะยานที่จะพยายามปล่อย  จรวดอีก 2 ลูกในช่วง กุมภาพันธุ์ปี 1962 ภายใน 10 วัน
เพื่อปิดบัง จอห์น เกรนน  Mercury-Atlas 6 ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้น Vostok 3 และ Vostok 4 จนกระทั่งเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน

 รูปวาเลนตินา เทเลชิคอวาในตอนปัจจุบัน



 







วาเลนตินา เทเลชิคอวา(1937-ปัจจุบัน)
 

การแข่งขันภายใน

"...............หลังจากความตายของครูชเยฟ ในปี ค.ศ. 1964 โคโรยอฟได้เป็นผู้นำกำอำนาจเพียงหนึ่งเดียวเกี่ยวกับการส่งมนุษย์เดินทางไปอวกาศ  ................"



โครงการในรัสเซียนั้นมันไม่มีอะไรที่เหมือนกันอเมริกาเลย เพราะอเมริกานั้นมีแต่ NASA ซึ่งมีผู้นำเพียง 1เดียวคือ James Webb จนกระทั่งค.ศ. 1960 ทางโครงการอวกาศรัสเซียก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองหน่วยงานการออกแบบ  
 อย่างไรก็ตามความสำเร็จที่น่าทึ่งของ สปุตนิก ในช่วงระหว่างปี1957-1961 กับ วอลสต็อกในช่วงระหว่างปี1961-1964, หลังจากปี 1958
OKB-1 ผลงานของ Korolyov สำนักงานออกแบบต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากนักออกแบบของเขาคู่แข่งระดับแนวหน้า อย่าง

Mikhail Yangel,


และ Vladimir Chelomei.

โคโรยอฟได้วางแผนที่จะปล่อย Soyuz และใช้จรวด N-1 เพื่อที่จะทำการสำรวจดวงจันทร์ อย่างไรก็ดี Ustinov สั่งให้เขาทำการเพ่งเล็งเป้าหมายไปที่ๆยังคงไกล้โลกอยู่อย่าง กระสวยวอลสต็อกซึ่งมีความน่าเชื่อถือมาก
วอลสต็อกรุ่นที่ถูกพัฒนานั้นได้ถูกใช้ให้เดินทางไปดาวอังคารกับดาวศุกร์(แบบไร้คนขับ)
แยงเกล เคยเป็นผู้ช่วย Korolyov แต่ด้วยการสนับสนุนของกลาโหมที่เขาได้รับมอบหมายให้สำนักการออกแบบของตัวเองในปี 1954
เพื่อที่จะใช้กระสวยในทางยุทธวิธี ซึ่งเป็นจรวดที่แข็งแรงกว่า
ซึ่งใช้เชื้อเพลิงอย่าง ไฮเปอร์กอริก(hypergolic) แต่ Nedelin catastrophe กตามกันมาติดๆในปีค.ศ. 1960 ยังเกลก็ได้รับคำสั่งให้ใส่ใจกับ การพัฒนาจรวดพิสัยไกล โครเมได้รับประโยชน์จากการอุปถัมภ์ของครุชชเยฟ  และในปี 1960 ได้รับงานในกทำให้เขาทำงานได้ช้าลง


              ความคืบหน้าโครงการอพอลโลนั้นได้  ตกใจหัวหน้านักออกแบบแต่ละคนสนับสนุนสำหรับโปรแกรมของตัวเองเป็นคำตอบ
ในเดือนสิงหาคม 1964 มากกว่า สามปีหลังจากที่สหรัฐได้ประกาศความตั้งใจจริง
         ทางรัสเซียได้ตัดสินใจแล้วสำหรับการเดินทางสู่ดวงจันทร์ซึ่งเป็นโครงการนำร่องลงจอดลูนา ในปี 1967   มีอยู่ช่วงหนึ่งในต้นปี 1960 โครงการอวกาศของโซเวียตแข็งขันพัฒนามากกว่า 30 โครงการสำหรับตัวปล่อยจรวดและยานอวกาศ  หลังจากความตายของครูชเยฟ ในปี ค.ศ. 1964 โคโรยอฟได้เป็นผู้นำกำอำนาจเพียงหนึ่งเดียวเกี่ยวกับการส่งมนุษย์เดินทางไปอวกาศ


หลังการจากไปของโคโรยอฟ 

 "...........จากอุบัติเหตุครั้งนี้นับว่าเป็นแรงกดดันครั้งใหญ่มาก นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้เลยว่า "อีกนิดเดียวเท่านั้น..........."

 

โคโรยอฟตายในเดือนมกราคมปีค.ศ. 1966 เนื่องจากโรคหัวใจ
 เคลิม เคลิมอฟ เป็นสถาปนิกประจำเครื่อง วอลสต็อก 1 ซึ่งได้เชิญชวนประฐานคณะกรรมาธิการมาตกลงเรื่องสัญญา 25 ปี(1966–1991)
 ซึ่งเขาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับทุกอย่างในการเดินทางไปอวกาศแบบมีคนขับ
ซึ่งทำการปล่อย MIR ในปี 1986


พาวิลเลียนอวกาศที่เลิกใช้แล้วจัดอยู่ที่ศูนย์แสดงงานAll-Soviet
 (ในภาพVasili Mishin)



 การนำหน่วย OKB-1 หรือสำนักงานออกแบบให้กับ Vasili Mishin, ซึ่งเคยเป็นผู้ได้รับภารกิจให้ 
ส่งคนไปดวงจันทร์ในปี 1967 และไปถึงในปี 1968 
ในสภาวะกดดันของ มิชชินที่จะอนุมัติที่จะส่ง โซยุต 1 ไปในปี 1967
ถึงกระนั้นกระสวยก็ไม่เคยทำสำเร็จในการส่งกระสวยไร้คนขับไป     และภารกิจที่รู้อยู้แล้วว่า การออกแบบเครื่องบินลำนี้จริงๆแล้วมันมีปัญหาทำให้กระสวยตกพื้น   ซึ่งมันทำให้จนท. วลาดิเมีย โคมารอฟ(1927-1967)
.(คนในภาพ)
 ตายทันที







 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------ภาพไม่น่าดู หากว่าใจไม่ถึงโปรดเลื่อนข้ามไป-------------------------------------------------------------------------------------------

 ---------------------------------------สภาพศพของVladimir Komarovจากอุบัติเหตุของกระสวยดิ่งพสุธา
 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


              จากอุบัติเหตุครั้งนี้นับว่าเป็นแรงกดดันครั้งใหญ่มาก นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้เลยว่า "อีกนิดเดียวเท่านั้น" ก็จะได้ส่งคนไปดวงจันทร์ได้ในปี 1968 ก่อน ที่ อะพอลโลจะไปถึง   แต่การออกแบบของ มิชินนั้นมีความบกพร่องเพราะด้วยเวลาที่น้อยนิด จรวด N1 ซึ่งจะทำให้อเมริกันต้องปราชัย       ซึ่งถ้าเวลาเพียงพอที่จะทำให้ N-1 สามารถทำงานได้และพามนุษย์ไปถึงดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก มีความสำเร็จด้วยเที่ยวบินร่วมกันของโซยุทซ์ 4 กับ โซยุทซ์ 5 ในเดือนมกราคม 1969 เพื่อที่จะทำการทดสอบการนัดพบ และทำการทดสอบการเปลี่ยนคน ซึ่งอาจจะมีประโยชน์ในตอนเอาเครื่องลงและ LK Lander ก็ถูกทดสอบได้เป็นผลสำเร็จในวงโคจรโลก    แต่ตอนทดสอบยิงจรวดไร้คนขับ N-1  จำนวน 4 ครั้ง มักจะประสบความล้มเหลว  ตัวไอพ่นหนักถูกทอดทิ้งและด้วยโอกาสของคนทมีโอกาสลงจอดบนดวงจันทร์ภายในจรวดเดียว แต่มีโครงการอวกาศที่ต้องละทิ้งไป นั่นโครงการณ์ในดวงจันทร์ที่ถูกทิ้งร้างของสหภาพโซเวียตรวมทั้งฐานอเนกประสงค์  Zvezda ,ครั้งแรกที่โครงการดังกล่าวถูกเยาะเย้ยขึ้นในการพัฒนาของยานพาหนะในการค้นหา และภายหลังก็มีการเสนอต่อรัฐบาลใหม่ที่มีคนบังคับเรียกว่าโครงการ "Vulkan-LEK"ซึ่งก็หนีไม่พ้นเหตุผลทางเศรษฐกิจ
 หลังจากที่ปราชัย          Chelomei แนะให้ Ustinov ต้องพิจารณาอนุมัติโครงการในปี 1970 เพื่อความก้าวหน้าของเขาเกี่ยวกับฐานทัพในอวกาศ Almaz  ซึ่งภายหลังอเมริกันได้ประกาศในนาม Skylab.

"....แม้จะมีความล้มเหลวของโครงการ ลูนา ในการเดินทางแบบมีคนประจำ  สหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในความสำเร็จที่สำคัญกับสองสิ่งในประวัติ ศาสตร์,คือระบบควบคุมด้วยสมองกล Lunokhod..."

                       Mishin ก็ยังคงอยู่ในการควบคุมของโครงการที่ภายหลังกลายมาเป็น โซยุทซ์  แต่การตัดสินใจรับการสนับสนุนจาก Mishin จะส่งลูกเรือสามคนโดยไม่ต้องมีชุดอวกาศซึ่งท้าทายมากกว่าลูกเรือสองคนที่มีชุดอวกาศกับ Salyut 1 ในปี 1971ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการกลับสู่แคปซูล ตอนปรับแรงดันนั้น จะฆ่าพวกเขาในขณะที่กลับสู่โลกMishin ได้ถูกนำออกจากทุกๆโครงการ หลังจากทำงานร่วมกัน NASA ในภารกิจ  Apollo Soyuz Test Project ซึ่งผู้นำโครงการโซเวียตได้ตัดสินใจแนวทางการจัดการกับสิ่งที่จำเป็นและในปี 1974 โครงการ N-1 ได้ถูกยกเลิก และ Mishin ก็เจอชะตากรรมเดี่ยวกัน และได้ออกแบบNPO Energia ขึ้นมาใหม่พร้อมแต่งตั้ง  Glushko ให้ดำรงตำแหน่งแทน
              แม้จะมีความล้มเหลวของโครงการ ลูนา ในการเดินทางแบบมีคนประจำ  สหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในความสำเร็จที่สำคัญกับสองสิ่งในประวัติศาสตร์,คือระบบควบคุมด้วยสมองกล Lunokhod และภารกิจลูนา ในการ นำตัวอย่างกลับสู่มาตุภูมิ และ นอกจากนี้โครงการวิจัยดาวอังคารยังคงเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ  ในขณะที่การสำรวจดาวศุกร์จากนั้นก็เป้นดาวหาง ฮาเลย์ และการวิจัย Vegaยังคงได้ผล

ผลสรุปย่อ

โครงการลับ

"......อิทธิพลของกลาโหมที่มีต่อโครงการอวกาศก็มีผลให้ทำให้คนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้มากนัก.............."


ภาพนี้ถูกบันทึกโดยนักบินอวกาศ ใน กระสวยอวกาศ แอตแลนติส เข้ามาใกล้สถานีอวกาศของรัสเซียในช่วงก่อนที่จะเทียบท่า STS-76.ซึ่งอยู่เหนือประเทศนิวซีแลนด์ แถวๆเกาะไต้ และไกล้ๆเมือง เนลสัน ไกล้ๆช่องแคบคุก
             พลเมืองของ สหภาพโซเวียต เชื่อว่าโครงการของพวกเขาช่างไกล้ความสำเร็จมากๆ
เพราะความศรัทราแบบไม่ลืมหูลืมตานั้นส่งผลต่อความลับให้ปิดเงียบได้เพราะไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้
อนาคตดูไร้ขีดจำกัด ได้ปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับโครงการการคาดการความสำเร็จของ สปุดนิก, ดาวเทียมที่เป็นรูปธรรมแห่งแรกของโลก ในเชิงทฤษฎี เมื่อสปุดนิกได้ถูกพิสูจน์


 หนึ่งในหลักสูตรที่ดำเนินการได้มากที่สุดอย่าง Politburo เป็นที่ต้องพิจารณาสิ่งที่จะประกาศไปทั่วโลกเกี่ยวกับกิจกรรมของพวกเขาสำนักงานโทรเลขแห่งสหภาพโซเวียต (TASS) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประกาศอย่างเป็นทางการทั้งหมดในโครงการอวกาศของโซเวียต. ข้อมูลที่ออกไปในที่สุดก็ไม่ได้เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับผู้สร้าง   เปิดตัวดาวเทียมหรือทำไมมันถูกปล่อยออกไป อย่างไรก็ตามการปล่อยให้ประชาชนให้ได้ความกระจ่างในสิ่งที่มันไม่เปิดเผย "ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคลับนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของ ... ราวกับจะครอบงำผู้อ่านในกรณีที่ไม่มีแม้แต่ภาพของวัตถุ"
สิ่งที่เหลืออยู่คือการปล่อยให้เป็นความภาคภูมิใจสำหรับเรื่องมหาอำนาจทางอวกาศของโซเวียต
และคลุมเครือนัยของความเป็นไปในอนาคตที่มีอยู่แล้วหลังจากที่สปุตนิกประสบความสำเร็จ

           สิ่งที่ชัดเจนคือ โครงการอวกาศโซเวียด ใช้ความลับของทั้งสองอย่างที่กล่าวไปทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับระหว่างประเทศ     และยังสร้างอุปสรรคระหว่างโครงการอวกาศและประชาชนของสหภาพโซเวียต ธรรมชาติของโครงการเป็นตัวเป็นตนข้อความที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายความสำเร็จของตนและคุณค่าของตัวโครงการเองได้ดังนั้นความลับที่ซ่อนจากพลเมืองของสหภาพโซเวียตปกติจะไม่สามารถบรรลุถึงภาพที่เป็นรูปธรรมของมัน มีแต่เป็นภาพที่ตื้น ๆ ของประวัติศาสตร์กิจกรรมปัจจุบันกับอนาคต


                อย่างไรก็ดี อิทธิพลของกลาโหมที่มีต่อโครงการอวกาศก็มีผลให้ทำให้คนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้มากนัก โครงการที่สำเร็จไปก่อนหน้าอย่าง สปุตนิก, ไลกา, ยูริ กาการิน) ซึ่งบงการโดย สำนักงานออกแบบการทดลอง-1 (OKB-1) โดยไม่ต้องสงสัย  OKB-1 นั้น เป็นรองภายใต้  กระทรวงการควบคุมจักรกล กระทรวงนี้เคยเป็นที่ที่ทหารทำการปกปิดเป็นความลับขั้นสูง ที่ได้รับการกำหนดเป้าหมายโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหน่วยข่าวกรองตำวันตก ในช่วงสงครามเย็น

"....... ต้นกำเนิดของความลับทางทหารที่เข้มงวดซึ่งถูกบังคับใช้  ในโครงการอวกาศ   ที่โผล่ออกมาขณะปฏิบัติชั่วคราวเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย(1917–1923).............."
                ในขั้นต้นเป้าหมายหลักของ OKB-1 หลักๆคือการผลิตและการปรับปรุงแก้ไขจรวดขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งมีเปลี่ยนแปลงในปี 1960"การแข่งขันมหาอำนาจทางอวกาศ" แต่การเชื่อมโยงกับโครงการขีปนาวุธทางทหารอย่างเปิดเผยและยังคงประสบความสำเร็จในโครงการอวกาศของโซเวียตถูกปกคลุมอยู่ในชั้นความลับ   กิจการการทหารเกี่ยวกับการพัฒนาของอาวุธเช่นเดียวกับโครงการขีปนาวุธข้ามทวีปขีปนาวุธดำเนินการภายใต้การปฏิบัติที่เป็นความลับมากที่สุด "เจ้าหน้าที่ของมรว.อุตสาหกรรมทหารจะสร้างรหัสลวงๆขึ้นมา "ตัวอย่างเช่นยานอวกาศ Vostok ก็จะเรียกว่า 'วัตถุ IIF63' ในขณะที่จรวดชื่อรหัสจริงๆคือ 'วัตถุ 8K72K'".  แม้คนงานในโรงงานทำสัญญาในการสร้างและส่งมอบชิ้นส่วนสำหรับการก่อสร้างยานอวกาศมีภาพพจน์ที่ยิ่งใหญ่
 กฎระเบียบที่บังคับใช้และหน่วยงานที่ทำงานแบบแยกจากกันเพื่อป้องกันการเข้าถึงการไม่ให้คนงานบางส่วนจะรับรู้ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในหน่วยงานการพัฒนาอื่น ๆ
 ต้นกำเนิดของความลับทางทหารที่เข้มงวดซึ่งถูกบังคับใช้  ในโครงการอวกาศ   ที่โผล่ออกมาขณะปฏิบัติชั่วคราวเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย(1917–1923)
มาตรการเหล่านี้เป็นความลับถูกเปิดเผยในปี 1927 ซึ่งเป็นผลให้มีการเปลี่ยนชื่อของโรงงานเพื่อการป้องกันรหัสของโครงการอวกาศ
 
..................แต่สิ่งที่ควรจะเข้าใจคือสำหรับความลับซึ่งโคจรรอบโครงการอวกาศคือมีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากกลาโหม......

           ประเพณีและจะดำเนินต่อไปเพื่อที่จะทำให้เป้าหมายของสหภาพโซเวียตดูครุมเครือจากฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงหวาดระแวงว่าหน่วยข่าวกรองตะวันตกจะสามารถเข้ารหัสส่วนตัวของพนักงาน ซึ่งไม่อนุญาตให้หารือเกี่ยวกับรหัสในที่สาธารณะ แต่จะอ้างถึงโรงงาน, สถาบันและหน่วยงานในที่สาธารณะโดยใช้รหัสอื่น    ที่ทำการไปรษณีย์หมายเลขกล่องพิเศษเพื่อที่จะปกปิดเป็นความลับนั่นเอง 
จนถึงเวลานี้ภาพพจน์ของมหาอำนาจทางอวกาศรัสเซียนั้น เริ่มชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในที่สุดก็เผยแพร่สู่การเมือง ซึ่งผู้คนต่างคิดว่า โครงการอวกาศรัสเซียไม่เคยประสบความล้มเหลว
        ตามที่นักเขียน/นักประวัติศาสตร์เจมส์ แอนดรู(1737-1797)   "ด้วยข้อยกเว้นที่เกือบจะไม่มีความคุ้มครองจากการโจมตีพื้นที่ของสหภาพโซเวียต      โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของพื้นที่ปฏิบัติการประสบความล้มเหลวหรือปัญหาของมนุษย์รายงานจะถูกตัดออก" 

สหภาพโซเวียด นั้นได้รับฉายาอันโด่งดังโดย วินสตัน เชอร์ชิล(1951 – 1955) ว่าด้วยคำว่าเป็นประเทศ "ปริศนา, ห่อในความลึกลับภายในปริศนา"
 และไม่มีอะไรที่มีความหมายนี้มากกว่าการล้วงตับที่อยู่เบื้องหลังโครงการอวกาศของตนในช่วงสงครามเย็น
แม้ว่า "การแข่งขันทางอวกาศ" ซึ่งการเล่นที่แท้จริงเล่นอยู่เหนือหัวของเรามันก็ถูกบดบังโดย 'ม่านท้องฟ้า' ที่ต้องใช้ความพยายามมากที่จะมองทะลุผ่าน " กล่าวโดย โดมินิกซ์ พีแลนด์ 

           แต่สิ่งที่ควรจะเข้าใจคือสำหรับความลับซึ่งโคจรรอบโครงการอวกาศคือ
มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากกลาโหม

cradited
http://en.wikipedia.org/wiki/Soviet_space_program
http://www.roscosmos.ru/main.php?lang=en