Can't find it? here! find it

Tuesday, December 8, 2009

Orphant's quote




          Orphan(12 สิงหาคม 2009)ชื่อแปลเป็นภาษาไทยว่าเด็กกำพร้าหรือชื่อเป็นภาษาไทยตามหนังว่าเด็กนรก ไปดูมาแล้วก็สมคำล่ำลือที่ว่ามันแหวกแนวมากๆเลย
         เรื่องราวของพ่อที่ชื่อจอห์น  และแม่ที่ชื่อเคท   ที่มีที่มีลูกชายที่ชื่อแดนเนียลที่ไม่ค่อยเอาใหนและลูกสาวที่หูหนวกและแน่นอนมันให้่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารของเขามากเลย
          เขาทั้งสองเลยตัดสินใจไปรับเด็ก กำพร้าเชื้อสายรัสเซียที่ชื่อเอสเธอร์ที่เก่งและรักการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ
           ผลงานของผู้กำกับ Jaume Collet-Serra
          แต่ที่น่ากลัวมากคือการเสียชีวิตปริศนาของเพื่อนๆของลูกหรือผู้้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเฮสเธอร์

นั้นไม่ว่าการหายตัวของแม่ชีอย่างลึกลับนั้น   หลายวันต่อมาๆพบศพแม่ชีรูปนั้นที่ไต้สะพานในสภาพที่สุดโหด   จนกระทั่งเจ๊เคทก็ได้ทำการค้นหาความหลังของเธออย่างจริงจัง จนได้เบาะแสว่าบ้านที่เธอไปอยู่ก่อนหน้านี้เธอเคยอาศัยอยู่กับอีกครอบครัวที่อยู่ ณ เอสโตเนีย ครอบครัวนั้นได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้บ้านทำให้ทุกคนตายหมดยกเว้นเธอเฟียงคนเดียว




          ทำให้เคทเชื่อว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับเอสเธอร์  – เด็กน้อยซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในรูปลักษณ์แสนดี ด้วยความกังวลว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย เคท พยายามทำให้จอห์นและคนอื่นๆ มองทะลุเปลือกที่น่ารักของเอสเธอร์  แต่ไม่มีใครฟังคำเตือน จนกระทั่งมันอาจสายเกินไป...สำหรับทุกคน
          จนมาถึงตอนสุดท้ายที่หนัีงทุกๆเรื่องทำในตอน 30 นาทีสุดท้าย.......ซึ่งเป็นเวลาที่ลุ้นมากที่สุดว่าใครจะตาย นางเอก พระเอก ตัวร้าย ตาย หรือตายหมด
และแน่นอนหนังเรื่องนี้มันก็หักมุมมากเหมือนที่ทุกๆคนพูดใว้ว่าหนังนี้โคตรหักมุมเลย เช่น พระเอกตายเป็นคนแรกในตอนท้ายของหนัง ฯลฯ

 
เคทพยายามติดต่อเข้าไปในประเทศที่เธอมาคือรัสเซีย
เ้ฮสเธอร์ไม่ใช่เด็ก 9 ขวบ และเธอก็ไม่ไช่ชื่อเฮสเธอร์ แต่ชื่อลีน่า แพมเพอร์ เกิดในปี 1976!!?!?!?
ซึ่งมีความผิดปกติทางร่างกายทำให้ดูเหมือนเด็ก
แกล้งทำตัวเป็นเด็กและเป็นเด็กกำพร้ามาเกือบตลอดชีวิต และก็ฆ่าคนมาแล้ว 7 คน

ตอนแรกผมก็สงสัยว่า "แค่ ๙ ขวบมันแต่งหน้าแบบนี้ได้ยังไง"
และในห้องของเฮสเธอร์นั้นดูดีๆแล้วถ้าดูดีๆ


แล้วจะน่ากลัวมากๆ


 เอาเถอะๆไปดูเอาเองละกันเพราะภาพถัดไปอีก4-5วินาทีมันล่อแหล่มเกินไป
อาจจะทำให้ผมไปนอนกรงง่ายๆเพราะฉะนั้นผมเลยแนะนำให้ปดูเอาเองในแผ่นซีดีแผ่นสอง เวลา 43:17-43:29ละกันนะครับ
สรุปสั้นๆแค่ว่าหนังเรื่องนี้
เป็นผลงานกำกับของ Jaume Collet-Serra
 http://www4.pictures.zimbio.com/gi/Premiere+Warner+Bros+Orphan+Arrivals+YEoh_Ed9Nygl.jpg
 ดดยรวมหนังเรื่องนี้ท้าทายคนดูเช่นผมมาก ลุ้นตลอดว่ามันจะเป็นยังไง
ขอบคุณที่อุตส่าห์เข้ามาดู สวัสดีครับ



Saturday, November 21, 2009

Transformer's railguns

ภาพประกอบ
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
Railguns as weapons ข้อมูลที่เราจะได้เห็น ต่อไปนี้ จะทำให้พวกเรารู้ว่า อาวุธนี้มีตัวตนอยู่จริง และได้เคยทดลองใช้โดยกองทัพเรือสหรัฐได้เคยทดสอบการย ิงแถว Virginia ซึ่งเป็นการยิงด้วยกระสุนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า อาวุธภาพของมันร้ายแแรงหรือเทียบเท่าได้กับ BGM-109 Tomahawk missile กล่าวคือ มีประสิทธิภาพการทำลายล้างสูงมากพอสมควร อย่างไรก็ตามอาวุธชนิดนี้ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง



อาวุธชนิดนี้มีหลักการเดียว กับรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้แรงดูด-แรงผลักของแม่เหล้กในการเคลื่อนที่ แต่กระทำในความเร็วที่มากกว่า โดยใช้กระสุนเหล็กเป็นหัวรบ แล้วถูกยิงส่งจากเรือรบไปยังเป้าหมายดังภาพ
Test round from the railgun impacting a target.
All photos above are U.S. Navy photos by John F. Williams (Released)




วงจรไฟฟ้าของปืนสนามแม่เหล็กแบบ Rail Gun


รูปที่ 1 รูปวงไฟฟ้าสำหรับ Rail Gun


รูปที่ 2 แสดงการทำงานปืนสนามแม่เหล็กแบบ Rail Gun

รูปที่ 3 รูปแบบจำลองของปืนสนามแม่เหล็กแบบ Rail Gun


หลักการทำงาน เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าไหลเข้าไปในเส้นลวดตัวนำจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า รอบ ๆ บริเวณเส้นลวดตัวนำและจะทำให้เกิดแรงพุ่งออกมาตามรูปที่ 2 และทิศทางของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นไปตามกฎมือขวา

วงจรไฟฟ้าของปืนสนามแม่เหล็กแบบ Coil Gun




รูปที่ 4 วงจรไฟฟ้าของปืนสนามแม่เหล็กแบบ Coil Gun



รูปที่ 5 ระยะทางที่ยิงลูกกระสุนปืนจากปลายกระบอกปืนจนถึงจุดตก



รูปที่ 6 รูปแบบจำลองของปืนสนามแม่เหล็กแบบ Coil Gun



รูปที่ 7 นำคาปาซิเตอร์มาต่อขนานกันเพื่อเพิ่มความจุให้ได้ตามที่ต้องการ



รูปที่ 8 การเก็บประจุคาปาซิเตอร์

หลักการทำงาน ปิด Switch S1 เพื่อ ชาร์จประจุให้กับ ตัว เก็บประจุ C เมื่อชาร์จได้ที่ กด Switch ยิง ซึ่งจะทำให้ S1 เปิดวงจรแล้ว S2 ปิดวงจร ทำให้กระแสไฟฟ้าไหล เมื่อกระแสไหลผ่านขดลวดจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารอบๆขดลวดโซเลนอยด์และ ทิศทางของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นไปตามกฎมือขวา



ปืนพลังงานแม่เหล็ก ไฟฟ้ากำลังเป็นงานวิจัยที่เป็นที่สนใจของ ทร.สหรัฐฯ เป็นอย่างมากในขณะนี้ ปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ใช้ส่วนประกอบของดินขับในการสร้างแรงขับลูกปืน แต่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าแทน การทำงานของปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าอาศัยหลักการสำคัญทางฟิสิกส์สองประการ กล่าวคือกฎของแอมแปร์ (Ampere’s Law) และแรงลอเรนซ์ (Lorentz Force) ampere
              กฎของ แอมแปร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก โดยกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวนำ จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรอบตัวนำนั้น ซึ่งค่าของสนามแม่เหล็กจะขึ้นอยู่กับขนาดของกระแสไฟฟ้าในตัวนำ และระยะห่างจากตัวนำนั้น
lorenz
               ส่วนแรงลอเรนซ์ คือแรงที่เกิดกับประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็ก โดยแรงที่เกิดขึ้นเป็นผลคูณเวคเตอร์ระหว่างการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า (V) กับทิศทางของสนามแม่เหล็ก (B) ดังนั้นแรงลอเรนซ์จึงมีทิศทางตั้งฉากกับทั้งทิศทางการเคลื่อนที่ของประจุและ ทิศทางของสนามแม่เหล็ก และขนาดของแรงลอเรนซ์จะมีค่าสูงที่สุดเมื่อการเคลื่อนที่ของประจุมีทิศทาง ตั้งฉากกับทิศทางของสนามแม่เหล็ก
http://img.rlt.com/A/11003/railgun.jpg

Magentic Rail Gun


หลักการทำงานของปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าใช้ลำกล้องปืนซึ่งประกอบด้วยรางนำ ไฟฟ้า 2 ข้าง และลูกปืนที่เป็นตัวนำไฟฟ้า โดยกระแสไฟฟ้าจะถูกทำให้ครบวงจรด้วยตัวลูกปืนในลำกล้อง ซึ่งการไหลของกระแสไฟฟ้าจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กในลำกล้องตามกฎของแอมแปร์ และสนามแม่เหล็กนี้จะตัดกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวลูกปืน ทำให้เกิดแรงผลักลูกปืนออกจากลำกล้อง railgunโครงการ ทดลองปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของ ทร.สหรัฐฯ ในปัจจุบันสามารถเร่งความเร็วต้นของลูกปืนขนาด 250 กรัม ได้ถึง 1000 เมตร/วินาที (ประมาณ 3 เท่าของความเร็วเสียง) ในความยาวลำกล้อง 1.2 เมตร ของปืนทดลอง โดยเป้าหมายของโครงการปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของ ทร.สหรัฐฯ อยู่ที่การทำความเร็วต้นของลูกปืนขนาด 20 กิโลกรัม ที่ 2500 เมตร/วินาที ในความยาวลำกล้องประมาณ 10 เมตร ซึ่งหากทำได้สำเร็จจะทำให้ปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามีระยะยิงสูงสุดไกลกว่า 200 ไมล์ทะเล นอกจากนี้ความเร็วของลูกปืนที่สูงมาก ยังทำให้ตัวลูกปืนเองมีพลังงานจลน์สูงเพียงพอที่จะทำลายเป้าหมายได้โดยไม่ ต้องใช้หัวกระสุนบรรจุดินระเบิด ดังนั้นลูกปืนแบบนี้จึงถูกเรียกว่าลูกปืนพลังงานจลน์ หรือ Kinetic Energy Projectile ซึ่งลูกปืนพลังงานจลน์ที่ไม่ต้องใช้ดินขับและหัวกระสุน ยังช่วยประหยัดน้ำหนักและขนาดของลูกปืน ทำให้เรือสามารถเก็บลูกปืนได้มากขึ้นในพื้นที่คลังขนาดเท่าเดิม

 


ถึงแม้เทคโนโลยีปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการยิง ฝั่งได้เป็นอย่างมาก แต่ปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ายังคงอยู่ในช่วงของการวิจัยและพัฒนาในปัจจุบัน โดยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้ที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาหนทาง แก้ไขได้แก่ 1.) ปัญหาการสึกหรอของลำกล้อง เนื่องจากปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าใช้พลังงานในการขับเคลื่อนลูกปืนสูงมาก ทำให้เกิดการเสียดสีและเกิดความร้อนที่สูงมากภายในลำกล้อง นอกจากนี้สนามแม่เหล็กที่ใช้ขับเคลื่อนลูกปืนยังตัดกับกระแสไฟฟ้าในลำกล้อง ทำให้เกิดแรงที่จะพยายามพลังรางนำไฟฟ้าภายในลำกล้องออกจากกันทุกครั้งที่ทำ การยิง 2.) ปัญหาความแม่นยำ เนื่องจากลูกปืนมีอัตราเร่งภายในลำกล้องสูงมาก ทำให้การบรรจุระบบระบบนำวิถีภายในตัวลูกปืนเป็นไปได้ยาก ซึ่งระบบนำวิถีด้วย GPS ในปัจจุบันสามารถทนต่ออัตราเร่งสูงสุดได้เพียง 1/3 ของอัตราเร่งเป้าหมายของโครงการลูกปืนพลังงานจลน์ และ 3.) ปัญหาเรื่องแหล่งพลังงาน พลังงานที่ต้องการสำหรับปืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าอาจสูงถึง 40-60 เมกะวัตต์ และแหล่งพลังงานจะต้องมีขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมที่จะติดตั้งบนเรือรบได้

Friday, November 6, 2009

ขันทีปัสสาวะได้ยังไง


ก่อนอื่น เรามาดูความหมายขันทีกันก่อนขันที หรือ ไท่เจี้ยน (太监 พินอิน: tàijiān) หมายถึง ชายที่ถูกตอน ทำงานหลายอย่างที่สตรีเพศทำไม่ได้ ในพระราชวังในจีนมีหน้าที่ควบคุมนางในฝ่ายพระราชฐาน และบางครั้งจะขับลำนำถวายฮ่องเต้ก่อน เข้าที่บรรทม นอกจากเรื่องทางโลกแล้ว ขันทียังมีหน้าที่เป็นคณะที่ปรึกษาให้กับฮ่องเต้ในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งในบางยุคสมัยก็เป็นเพราะขันทีที่เอาแต่ปรนเปรอฮ่องเต้จนบ้านเมืองอ่อนแอ ไร้เสถียรภาพจนนำมาสู่การล่มสลายของบ้านเมือง เช่น ยุคสามก๊ก หรือ ปลายราชวงศ์หมิง หรือ ปลายราชวงศ์ชิง เป็นต้นประเภทของขันทีขันทีนั้น มีอยู่สองประเภท* ถูกตอนโดยตัดแค่ปลายองคชาตเท่านั้น ยังเหลือพวงอัณฑะอยู่ ขันทีประเภทนี้ ยังเหลือฮอร์โมนเพศชายอยู่มากมาย เสียงยังห้าวแบบชาย และจะได้อนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่การงานได้เฉพาะเขตพระราชฐานชั้นนอกเท่านั้น* ถูกตอนโดยตัดทิ้งทั้งพวง เสียงจะแหลมเล็ก ลูกกระเดือกหายไป ฮอร์โมนเพศชายหมดไป พวกนี้จะได้รับความไว้ใจสูงกว่า และสามารถปฏิบัติงานในเขตพระราชฐานชั้นใน




อันนี้ทั้งพวง...
'ขันที' มาจากรากศัพท์ 'ขันฑะ' ในภาษาสันสกฤต แปลว่า ตัด ตรงกับคำในภาษาจีนว่า ไท้เจี๋ยน หรือไท้ก๋ำ หรือเรียกว่ายุนุค (Eunuch) ในภาษาละติน และอาหรับ โดยมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกว่า 'ยูโนคอส' (eunouchos) แปลว่า ผู้ดูแลรักษาเตียงยูนุคจึงหมายถึงผู้มี หน้าที่คอยดูแลหรือเป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์และข้าราชสำนักฝ่ายใน เชื่อว่าขันทีมีกำเนิดครั้งแรกที่เมืองละกาสช์ (Lagash) ของสุเมเรียน (Sumerian) ในเมโสโปเตเมีย เมื่อราว 2,000 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทแพร่หลายอยู่ในราชสำนักของเมโสโปเตเมียและ อียิปต์แต่โบราณจากประติมากรรมสลักศิลาศิลปะสมัยจักรวรรดิอัสสิ เรีย (Assyria Empire) อายุราว 800 ปีก่อนคริสตกาล แสดงภาพขันทีหรือยูนุคกำลังถวายการรับใช้ใกล้ชิดจักรพรรดิ โดยมือข้างหนึ่งถือแส้ อีกข้างหนึ่งกุมสายรั้งดาบ แสดงให้เห็นว่ายูนุคทำหน้าที่เป็นทั้งผู้รับใช้และราชองครักษ์ของกษัตริย์
หลังตัดอวัยวะเพศแล้วเขาจะใช้ก้านขนนก หรือไม้เล็กๆที่กลวงตรงกลางเสียบแทนเอาไว้ตรงนั้นให้เป็นรูสำหรับปัสสาวะ
หรืออาจจะ ใช้ท่านังกระโถน แบบผู้หญิงในการปัสสาวะ
หนังสือเล่มหนึ่งของ วาริส ดีรี ที่เป็นนางแบบผิวดำเขียน เธอมาจากประเทศโซมาเลียที่มีธรรมเนียมสุหนัด (ตัดอวัยวะเพศหญิง คว้านคริสตอริสและแคมใหญ่,เล็ก ออก จากนั้นก็เย็บปิดช่องคลอด เหลือไว้แค่รูเล็กๆ ให้ปัสสาวะและประจำเดือนพอไหลผ่านได้)เธอบอกว่าเวลาปัสสาวะ มันจะค่อยๆหยดออกทีละนิดเท่านั้น และไม่สามารถเบ่งปัสสาวะแรงๆ ได้ เนื่องจากรูมันเล็ก มันจะเจ็บ และเวลาเป็นประจำเดือนก็ปวดท้องมาก เนื่องจากเลือดไหลออกมายากเพราะฉะนั้นในความคิดโทเค ขันทีที่เขามีรูแค่ก้านขนนก หรือไม้เล็กๆ เขาไม่น่าจะยืนปัสสาวะแบบพุ่งได้หนึ่ง น้ำปัสสาวะมันน่าจะไหลออกมาได้ทีละนิด ประมาณหยดๆ ตามรูของก้านขนนกหรือไม้ที่เสียบไว้ ไม่น่าจะออกมาเป็นสายพุ่งเหมือนผู้ชายปกติได้สอง จากข้อแรก ดังนั้น การปัสสาวะแต่ละครั้งน่าจะใช้เวลานานกว่าผู้ชายปกติ และก็น่าจะเลอะด้วย (ถ้าทำในท่ายืน) เนื่องจากแรงดันขับเคลื่อนไม่น่าจะมีมากเท่าผู้ชายปกติ (เบ่งแรงๆ นี่น่าจะเจ็บอะ ก้านขนนกหรือไม้มันไม่ใช้อวัยวะนี่นา) แล้วถ้าไม่มีแรงเบ่ง หรือไม่สามารถเบ่งได้มาก การควบคุมทิศทางก็จะลำบากใช่ไหมคะ (รบกวนคุณผู้ชายช่วยยืนยันด้วย)ขันทีจะมีกลิ่นเฉพาะ คือ " กลิ่นปัสาวะแห้ง "เนื่องจากขั้นตอนการตอน จะทำให้สะอาดมากๆ ก็จะตัดเข้าไปถึงหูรูดของกระเพาะปัสสาวะทำให้ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ เป็นที่น่าอับอายมากๆและต้องทนในสภาพนี้ไปตลอดชีวิตและเนื่องจากการตอน ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลขันทีที่ถูกตอนตั้งแต่ยังเด็ก จะมีลักษณะ แขนยาวเก้งกาง รูปหน้าจะพัฒนาไม่เต็มที่ส่วนใหญ่จะจะเป็นคางรูปสามเหลี่ยม และการตัดอวัยวะเพศออกไป จะทำให้เป็นโรคแทรกซ้อนได้ง่ายส่วนใหญ่จะอายุไมค่อยยืน

Thursday, October 29, 2009