Can't find it? here! find it

Friday, July 3, 2009

เครื่องบินรบญี่ปุ่น-japanese carrior



Aichi B7A Ryusei (Grace) ชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า "Shooting Star" และมีชื่อเรียกว่า "Grace" ตามที่ สัมพันธมิตร ตั้งชื่อเรียก เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดตอปิโดของจักวรรดิ์ญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2 แต่โชคไม่ดีทีการออกแบบมาล่าช้าไม่ทันการเข้าประจำการในสงครามโลกที่2 ซึ่งการผลิตนั้นผลิดออกมาในปี 1944 โดยที่การผลิตนั้น ผลิตออกมาเพียง 114 ลำเท่านั้นเพราะเนื่องจากทรัพยากรต่างๆมีไม่เพียงพอในการผลิต ทำให้การออกแบบ Aichi นั้นถูกทางการมองข้ามไป และทิ้งร้างไปในที่สุด ปัจจุบัน ยังสามารหาชมได้



Aichi D3A (Val) ลำที่2 มีชื่อเล่นว่า "Val" เป็นเครื่องบินยุดแรกของสงครามมหาสมุทรแปซิฟิก และถูกนำไปใช้ในช่วงแรกๆของสงคราม เครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องนำฝูงที่เข้าโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ในฮาวาย ซึ่งเป็นฐานทัพเรือราชนาวีอเมริกา ภาคพื้นแปซิฟิก D3A นี้เป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูง โดยการออกแบบนั้นมีพื้นฐานในการเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินดำ ดิ่งทิ้งระเบิด ของจักวรรดิกองทัพเรือญี่ปุ่น โดยผลิตมาในปี 1940 และผลิตมาทั้งสิ้น 1495 ลำ



Aichi E13A (Jake) ลำที่3 เน้อ มีชื่อเรียกขำๆจากทางสัมพันธมิตรว่า "Jake" เป็นตัวเด่นตัวเดียวของรุ่นนี้ "เพราะมันออกเยอะที่สุดในซีรีย์นี้น่ะซิ -*- " ถูกใช้เป็นเครื่องบินหลักเหมือนกันในสงครามโลกครั้งที่2 ในตอนต้น และถูกใช้ในการโจมตีเกาะเพิร์ล ด้วย ในวันที่ 7 ธันวาคม เนื่องด้วยการออกแบบเป็นเยี่ยมในด้านความทนทาน ในท้ายๆสงคราม จึงนำเครื่องรุ่นนี้มาดัดแปลงในเป็น "Kamikaze" เพื่อโจมตีกองเรือของอเมริกา ผลิตมาทั้งสิ้น 1418 ลำ โดยผลิตมาตั้งแต่ปลาย ปี 1940



Aichi E16A Zuiun (Paul) ลำที่ 4 มีชื่อเล่นว่า "พอล" อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า "Auspicious Cloud" (ไม่รู้ว่าเรียกไงดี ประมาณว่า เมฆแห่งโชคชะตา มั้ง) หน้าที่หลักของมันก็คือ เป็นเครื่องบินสำรวจสอดแนม แต่มีบางลำนำมาทำเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดด้วย มันเป็นเครื่องบินสำรวจยอดเยี่ยมในลำดับต้นๆของสงครามโลกครั้งที่2 เลยทีเดียว ถึงแม้ว่า จำนวนในการผลิตนั้น น้อยเหลือเกิน คือ ผลิตมาแค่ 256 และผลิตในปี 1944



Aichi M6A Seiran ลำที่ 5 เป็นรุ่นพิเศษที่อยู่ในรุ่นของ Aichi เป็นเครื่องที่ออกมาเป็นพิเศษให้สามารถพับปีกได้ และออกแบบมาให้กับเรือดำน้ำ คราส I-400 ของญี่ปุ่น คือมันสามารถ ยัดเข้าไปในเรือดำน้ำและสามารถบินออกมาจากแท่นยิงบนเรือดำน้ำได้เลย โดยหน้าที่หลักของมันคือการเป็นหูเป็นตาให้กับเรือดำน้ำที่มันประจำการอยู่ โดยบทบาทที่สำคัญคือเป็นเครื่องบินสอดส่องในการโจมตีคลองปานามา ผลิตออกมา เพียงแค่ 28 ลำเท่านั้น ผลิตในปี 1945



Kawanishi H6K (Mavis) ลำที่6 ถึงแม้มันจะเหมือนกับเครื่องบินน้ำตระกูล Dornier ของเยอรมัน แต่บริษัท Kawanashi ก็ได้ผลิตเจ้า H6K ตัวนี้ขึ้นมา โดยชือเล่นของมันก็คือ "เมวิส" โดยคิดว่าน่าจะเป็นการร่วมมือกันออกแบบกับทางเยอรมันแล้ว แต่เมื่อมาดูเรื่องโครงสร้างความสามาร และการใช้งาน เพื่อออกแบบมาให้ใช้งานกับทางประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเกาะแล้ว H6K ตัวนี้ เหมาะสมที่สุดที่จะปฏิบัติการในการลาดตะเวน ด้วยพิสัยการบินที่ไกล ทั้งความทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ แต่น่าเสียดาย เพราะการสูญเสียเครื่องรุ่นนี้ส่วนมากเป็นเพราะในท้ายสงครามเครื่องรุ่นนี้ ต้องออกบินทำการ โดยทั้งๆที่มีน้ำมันไม่ถึงครึ่งถังเท่านั้นเอง โดยผลิตมาตั้งแต่ปี 1938 และผลิตออกมาเพียง 215 เครื่องเท่านั้นเอง



Kawanishi H8K (Emily) ลำที่7 เป็นรุ่นต่อจากรุ่นที่แล้ว ทั้งๆที่ H6K ยังอยู่ในสายการผลิต แต่ทางจักวรรดิญี่ปุ่นยังมีความต้องการเครื่องรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ มากกว่าเดิม จึงได้ผลิตเจ้า H8K ที่มีชื่อเล่นว่า "เอมิรี่" ถึงแม้จะดูมันเป็นเครื่องบินตรวจการที่อุ้ยอ้ายใหญ่เทอะทะ แต่มันก็เป็นที่น่าสะพรึงกลัวของเรือดำน้ำของสัมพันธมิตร เพราะเนื่องด้วยมันติดปืนกลขนาด 20. ด้วยพร้อมทั้ง ระเบิด ตอปิโด ถึง2ลูกไว้ด้วยกัน ผลิตเมื่อปี 1942 ผลิตมาทั้งสิ้น 167 ลำ



Kawanishi N1K-J Shiden (George) ลำที่8 แม้ในตอนต้นจะมีคนติและท้วงติงในการออกแบบของ N1K-J Shiden ในสมญานามว่า "สายฟ้าสีม่วง" หรือชื่อเล่นว่า "จอร์จ" แต่มันก็มีความสามารถที่จะประทะ 1-1 กับเจ้า F6F HellCat ของ อเมริกาได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงเลยทีเดียว ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ และการติดอาวุธ ทำให้มันเป็นที่น่ากลัวของสงครามแปซิฟิกเลยทีเดียว โดยมีการผลิดถึง 1435 ลำ และผลิตมาในปี 1943 ถึงแม้จะโดนว่าก็เหอะ แต่ยังผลิตออกมาซะเยอะในช่วงกลางสงครามจนไปถึงสิ้นสุดสงครามเลยทีเดียว



Kawasaki Ki-100 ลำที่9 ทั้งๆที่ผลิตออกมาในช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่2 เจ้าKi-100 ก็ยังถือได้ว่า เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ดีมากของสงคราม โดยเพิ่มความสามารถมาจากเครื่อง Ki-61 "Hien" เพิ่มความสามารถในการยิงเป็นชุด และเพดานบิน เพื่อที่จะจัดการกับเครื่อง B-29 โดยเฉพาะเลยทีเดียว ในสงครามมันได้พิสูจน์ได้ว่า มันเป็นเครื่องที่มีความสามารถมากเลยทีเดียว แต่ในตอนผลิตนั้น เครื่องรุ่นนี้ ได้ขาดแคลนทรัพยากร จึงสร้างมาได้เพียง 374 ลำ โดยสร้างในปี 1945 ใกล้สิ้นสุดสงครามนั่นเอง

No comments: