อนาคตอีก1000ปีข้างหน้ามนุษย์จะสูญสื้น
อ่านไม่จบไม่เป็นไรคับอ่านซักหัวข้อเดี่ยวก็พอ อ่านแล้วใจหายคับ
หากจะถามคนทั่วๆ ไปว่า โลกเราในอีก 1,000 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คำตอบที่ได้อาจจะบอกว่า 'ไม่ทราบ' เพราะหนึ่งสหัสวรรษนับจากนี้ เป็นช่วงเวลาในอนาคตที่ยาวนานมาก ถ้าจะให้จินตนาการไปสนุกๆ ก็คงทำได้ แต่หากจะให้ตอบโดยอาศัยตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ คงจะเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย
หลังจากที่คนทั้งโลกเพิ่งจะผ่านช่วงที่น่าตื่นเต้นที่สุด ของการเปลี่ยนแปลงปีคริสต์ศักราช 1999 เข้าสู่ปี 2000 ซึ่งถือเป็นสหัสวรรษใหม่ได้ไม่ถึงเดือน ศาสตราจารย์เอียน แองเจล แห่งลอนดอน สคูล ออฟ อีคอนอมิคส์ ซึ่งกำลังจะมีผลงานหนังสือ ชื่อ The New Barbarian Manifesto ซึ่งทำนายเกี่ยวกับอนาคต ออกวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ ได้มองไปถึงโลกในอีก 1,000 ปีข้างหน้า
แองเจล มองว่า อีก 1,000 ปี คงจะไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ บนโลกอันแสนโสภาใบนี้แล้ว เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น โลกของเราก็จะมีมนุษย์มากเกินไปและจะต้องประสบกับ สภาวะขาดแคลนอาหาร เพราะมนุษย์ในอนาคต ได้บริโภคอาหารที่เป็นพวกเมล็ดพืชและพืชสีเขียวจนหมดเสียแล้ว
ขณะเดียวกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาของอังกฤษได้ทำนายว่า ในช่วงปี ค.ศ.3000 ข้างหน้า โลกของเราจะไม่มีสถานที่ ให้สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยเสียแล้ว การคาดการณ์นี้เกิดขึ้นจากสมมติฐานว่า หากยังคงมีการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในปริมาณเท่ากับปัจจุบัน อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในตอนนี้ อาจจะทำให้โลกของเรา มีอากาศร้อนเพิ่มเป็นสองเท่าในอีก 1,000 ปีข้างหน้าก็เป็นได้
จีออฟ เจนกินส์ หัวหน้าศูนย์อุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ที่แฮดลีย์ กล่าวว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังว่าจริง ผืนน้ำแข็งทางบริเวณตะวันตก ของทวีปแอนตาร์คติกจะละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูง เพิ่มขึ้นอีก 5 เมตร และทำให้หลายประเทศต้องจมอยู่ใต้น้ำ
เจนกินส์ ยังบอกต่อด้วยว่า มนุษย์เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้ สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างชนิดเยียวยาได้ยาก ในอนาคต หลายประเทศคงจะต้องหาทางปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด หรือหากทำได้อาจจะต้องถึงขั้นหาที่ตั้งประเทศกันใหม่เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันเริ่มต้นศตวรรษที่สาม หลังการถือกำเนิดของพระเยซู ซึ่งจะเริ่มอย่างแท้จริง ในวันที่ 1 มกราคม 2001 คำทำนายทุกอย่างจะกลายเป็นจริงหรือไม่ ยังเป็นแค่ 'คำพยากรณ์' เท่านั้น เพราะบางอย่างอาจจะไม่เลวร้าย อย่างที่คิดกันไว้ก็ได้
บางครั้งสิ่งที่เราเชื่อเราคิดกันอยู่ก็เป็นเรื่องของการตามกระแส ดูอย่างตามแนวคิดซึ่งเป็นที่นิยมกันแพร่หลายในช่วงอายุคนที่ผ่านมา อาทิเช่น ความเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดสังคมอุดมคติขึ้น หรืออาจจะเกิดมนุษย์สายพันธุ์พิเศษผู้มากล้นความเก่งกาจ และสามารถไปเสียทุกเรื่องที่เรียกกันว่า ซูเปอร์ ฮิวแมน แต่มาถึงวันนี้ ความเชื่อในเรื่องนี้ดูจะลดน้อยถอยลงมาก จนแทบจะสูญพันธุ์ ถ้าพูดถึงสังคมอุดมคติหรือยูโธเปียในขณะนี้ จะมีสักกี่คนที่คิดว่าจะมีโอกาสเป็นจริงได้
ฮามิช แม็คแร นักเขียนด้านการเงิน และยังเขียนหนังสือขายดีประจำปี 2538 ที่มีชื่อว่า The World in 2020 บอกว่า เขาไม่สามารถทำนายได้หรอกว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในอีก 1,000 ปีข้างหน้า แต่สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้ในตอนนี้ก็คือ มนุษย์เราจะยังคงมีสมองแบบเดียวกับปัจจุบันนี้
"ยุคนี้คนเราก็มีมันสมองในระดับเดียวกับคนในยุคโรมัน ซึ่งมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เมื่อ 2000 ปีก่อน ดังนั้น ในปี 3000 คนเราก็อาจจะแค่สูงขึ้นนิดหน่อย หรือผอมลงไปบ้าง หรืออาจจะอ้วนขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้ว เชื่อว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์อย่างในปัจจุบันนี่แหละ" แม็คแร กล่าว
ขณะที่สมาคมอนาคตของโลก ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ ทำนายว่า ในอีก 100 ปีข้างหน้า โลกของเราจะมีคนชรามากขึ้น มีภาษาใช้น้อยลง, มีแหล่งน้ำน้อยลงและมีแมลงมากขึ้น ในเวลาเดียวกันจะมีคนเป็นหมันมากขึ้นด้วย แต่มนุษย์เรา จะมีเครื่องไม้เครื่องมือทางชีวภาพที่มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาข้อมือ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลทางสุขภาพทุกอย่างของผู้สวมใส่
ในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แม็คแร มีความคิดว่า อินเทอร์เน็ตจะสามารถให้บริการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้คนทั่วไปได้
ส่วน เอียน แพร์สัน แห่งบริทิช เทเลคอม ได้ทำนายการอนาคตไว้ว่า จะมีเครื่องประดิษฐ์ใหม่ๆ ออกมามากมาย อาทิ เช่น คอนแท็คเลนส์ที่มีการทำงานเหมือนเครื่องเทเลพร็อมพ์เตอร์ ชนิดหนึ่ง อาทิเช่น จะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนเก่า ที่คุณอยากจะทักแต่จำชื่อไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต อาจจะทำให้บรรดาพ่อครัว-แม่ครัว หรือผู้ที่ชอบตุนอาหารไว้ รับประทานในตู้เย็น อาจจะต้องมีเรื่องชวนให้หงุดหงิดใจมากขึ้น เพราะอาจจะมีตู้เย็นชนิดพิเศษที่จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ของผู้ใช้ไม่ให้อ้วนเกินไป ด้วยการตั้งเวลาล็อกฝาตู้ แถมยังมีกล้องวิดีโอคอยจับภาพว่า ใครหยิบอะไรออกไปจากตู้บ้าง ที่ร้ายก็คือ อาจจะมีเตาไมโครเวฟที่ไม่ยอมทำงาน หากมีการใส่อาหารที่มีปริมาณแคลอรีสูงเกินไปใส่เข้าไปในเครื่อง
แองเจล ได้ทำนายว่า ตราบที่ยังมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้ ช่องว่างระหว่างความร่ำรวยและความยากจน ก็จะยิ่งหนีห่างออกจากกันไปทุกที ประเทศที่มีรัฐบาล ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนร่ำรวย และให้พวกเขากระตือรือร้น ในการทำมาหากินสร้างความร่ำรวย จะเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ และศูนย์กลางความเจริญ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในบางส่วนของสหรัฐ ขณะที่ส่วนใหญ่ของโลกจะตกอยู่ในสภาวะไร้สิ้นความหวัง แต่ในส่วนที่เป็นศูนย์กลางความเจริญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะยอดเยี่ยม
ในขณะที่ วิลเลียม รีส์ ม็อกก์ คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ไทมส์ อังกฤษ ได้ทำนายอนาคตในชั่ว 1 อายุคน ในลักษณะที่ตรงกันข้ามว่า โลกของเราน่าจะมีชนชั้นกลางมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย และยูโร-อเมริกา ส่วนแม็คแรได้ทำนายในสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นว่า เงินยูโร ซึ่งกำลังจะเป็นเงินสกุลเดียวของยุโรปในอนาคต จะถูกเลิกใช้ภายในเวลา 10 ปี และในเวลา 25 ปี รัสเซียจะฟื้นตัวจากการตกต่ำ
โดยทั่วๆ ไปแล้ว อนาคตของโลกจะมีความเจริญเฟื่องฟู แต่หากสหรัฐไม่สามารถเป็นผู้รักษาความสงบของโลกได้อีกต่อไปแล้วละก็... อาจจะเกิดสิ่งที่เลวร้ายขึ้นได้ในชั่วอายุคนถัดไปหลังปี 2020 นอกจากนี้ แม็คแรยังได้เตือนผู้ที่ทำนายอนาคตของโลก ในระยะเวลาเพียงชั่วอายุคนว่า ควรจะดูพื้นฐานความเป็นจริง ในสภาพปัจจุบันด้วย ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี หลายสิ่งหลายอย่าง ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เรายังคงมีชีวิตอยู่ในบ้านแบบเดิมๆ, รับประทานอาหารเดิมๆ และยังคงมีโทรทัศน์ดูอยู่เช่นเดิม
ในช่วงเวลาเพียง 1 ชั่วอายุคน สิ่งต่างๆ จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักหรอก... แต่ในอีก 1,000 ปีข้างหน้าล่ะก็ไม่แน่เหมือนกัน
No comments:
Post a Comment