ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 บรรดานักบินแห่งฝูงบินหนึ่งของอังกฤษต่างพากันขนหัวลุกไปตามๆ กัน เมื่อบินปฏิบัติการเหนือช่องแคบอังกฤษได้พบปีศาจเสืออากาศเยอรมัน “Red Barron” หรือ บารอนแดง บินโฉบอยู่ไปมาเหนือน่านฟ้าสมรภูมิ
Manfred Albrecht Freiherr von Richthofen : The Red Baron
บารอนแมนเฟรด ฟอน ริชโธเฟน (Manfred Albrecht Freiherr von Richthofen (2 May 1892 – 21 April 1918)เสืออากาศที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพเยอรมันผู้นี้ได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่ได้ถูกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรมากกว่า 80 ลำรุมกินโต๊ะยิงตก โดยเขาเองก็เป็นเสืออากาศที่ยิงข้าศึกตกเกิน 80 เครื่องเช่นกัน
นักบินหนุ่มชาวอังกฤษ คนนั้นชื่อ เกรย์สัน ได้รายงานว่าได้เห็นเครื่องบินขับไล่โบราณทาสีแดงลำหนึ่ง ขณะที่เขาบินลาดตะเวนอยู่นอก ชายหาดฝั่งโดเวอร์ เกาะอังกฤษในคืนวันหนึ่ง เกรย์สัน พยายามบินเข้าไปใกล้โดยเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เพื่อจะโจมตีในขณะที่เครื่องบินลึกลับลำนั้นหันหัวบินเข้าไปในผืนแผ่นดินใหญ่ยุโรป แม้ว่าเขาจะเร่งเครื่องเร็วเท่าใด แต่ระยะทางระหว่างเครื่องบินของ เกรย์สัน กับเครื่องบินโบราณสีแดงก็ยังห่างอยู่เท่าเดินนั่นเอง
ในท่ามกลางแสงจันทร์นักบินหนุ่มอังกฤษได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเครื่องบินที่เขาบินตามมีเครื่องหมายกางเขนสีดำเล็ก ๆ อยู่ที่ลำตัว เป็นเครื่องบินของเยอรมัน เกรย์สัน บอกว่าเขารู้สึกหนาววูบไปตามสันหลังทันทีเมื่อเห็นว่าเครื่องบินแปลกประหลาดลำนั้นมีแพนหางเป็นวงกลมเล็กๆ ปีกสามชั้น เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ล้าสมัยแล้ว ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเครื่องบินยี่ห้อ ฟ็อกเกอร์ ได้ถูกปลดระวางเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว เครื่องบินที่มี 3 ปีก ทาสีแดง มีเครื่องหมายกางเขนที่ลำแพนหาง เป็นชนิดเดียวกับที่ บารอนแมนเฟรด ฟอน ริชโธเฟน เสืออากาศผู้กล้าหาญใช้อยู่ในสงครามโลกครั้งนั้น
เกรย์สันงุนงงอย่างมาก เครื่องบิน Hurricane ของเขามีความเร็วอย่างน้อยก็เป็นสี่ เท่าของเครื่องบิน 3 ปีกลำนั้น ซึ่งผลิตในปี 2460 (1917) สร้างจากไม้และผ้าใบ แม้ว่าเกรย์สันจะเร่งความเร็วเครื่องบินของเขาเท่าไหร่ ก็จะไม่สามารถไล่ตามเครื่องบินโบราณลำนั้นได้เลย ทันใดนั้นเองก็เกิดฝนตกหนักทำให้กระจกกำบังลมของเขามัว เขาต้องบินเข้ามาในห่าฝนที่ตกหนัก แต่ก็เพียงเวลาไม่เท่าไร ท้องฟ้าและกระจกกำบังลมก็แจ่มใสขึ้นมาอีก
Fokker Dr.I : เครื่องบินคู่กายบารอน
แต่เครื่องบินโบราณลำดังกล่าวก็หายไปแล้ว นักบินหนุ่มพยายามค้นหาทั่วบริเวณนั้น แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เกรย์สันคิคว่าเขาคงตาฝาดไปเองมั่ง คงเป็นแมลงบินมาติดกับกระจกกำบังลม ทำให้เขาเห็นเป็นเครื่องบิน แต่เมื่อฝนตกมาชะแมลงออกไป เครื่องบินก็หายไป เมื่อเกรย์สันกลับมาถึงที่ฐานทัพแล้วไปที่โรงอาหารเพื่อดื่มกับเพื่อนนักบินด้วยกัน
“นี่เมื่อกี้ข้าบินตามตัวแมลงเกือบครึ่งทางไปเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมันที่เดียว “ เขากล่าวแก่เพื่อน ๆ ของเขา แล้วก็เล่าเรื่องราวที่ไปพบให้เพื่อน ๆ ฟัง แต่แล้วเกรย์สัน รู้สึกแปลกใจแทบช็อก เพราะแทนที่จะเห็นเพื่อน ๆ หัวเราะขบขัน แต่ทุกคนกลับเงียบกันหมด
“คืนนี้แกก็พบเขาเหมือนกันหรือ”
นักบินคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “ใคร" เกรย์สันถามอย่างแปลกใจ "เขาล่ะ อัศวินแดง ไม่มีใครหรอก" เพื่อนนักบินตอบ "ใครคืออัศวินแดง" เกรย์สันถามต่อ "เขาคือปีศาจแห่งบารอน" นักบินอีกคนกล่าวขึ้น
"บารอน แมนเฟรด ฟอน ริซโธเฟน เขาเป็นเสืออากาศแห่งเสืออากาศในสงครามใหญ่ครั้งที่แล้ว" "พวกนายเคยพบเขามาแล้วหรือ" เกรย์สันถามอย่างแปลกใจ
"ทุกคนในห้องอาหารนี้เห็นกันทุกคน พวกเราบางคนเห็นครั้งหนึ่ง บางคนเห็นหลายครั้ง ต่างก็เผชิญหน้ากับเครื่องบินผีสีแดงลำนั้นด้วยกันทั้งนั้น" "ไม่น่าจะเป็นไปได้" เกรย์สัน นักบินหนุ่มอุทาน
เครื่องบินของบารอนที่โดนยิงตก
"ทำไมบารอนสีแดงถึงปรกกฎโฉมให้เห็นเฉพาะฝูงบินเราเท่านั้น แล้วฝูงบินอื่นเคยพบบ้างหรือเปล่ามั้ย" เพื่อนตอบว่า "เท่าที่ทราบมีแต่ฝูงบินเราเท่านั้นที่พบ" "ทำไมล่ะ" นักบินหลายคนต่างชี้ที่ตัวเองแล้วพากันกล่าว่า "พ่อของพวกเราและนักบินเก่าฝูงเรา ล้วนแต่ต่อสู้ดวลกันกลางอากาศกับบารอนแดงมาแล้วทุกคนเมื่อ 22 ปีก่อน"
.....นี่เป็นเรื่องแปลก แต่มีหลักฐานยืนยัน ที่เสืออากาศเยอรมันผู้ห้าวหาญเสียชีวิตไปแล้วตั้ง 22 ปี แต่ยังบินเครื่องบินผีของเขาออกศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่
1 comment:
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความ
Post a Comment