Can't find it? here! find it

Monday, March 10, 2008

มงกุฏราชวงศ์อังกฤษ

สุดยอด..."มงกุฎ" แห่งราชวงศ์อังกฤษ
สุดยอด..."มงกุฎ" แห่งราชวงศ์อังกฤษ


นอกจากพระมหามงกุฎเพชรแล้ว หอเอนเมืองปิซา ของอิตาลี, หอนาฬิกาบิ๊กเบน ของอังกฤษ และหอไอเฟล ของฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมล้ำค่าและเลื่องชื่ออันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ 3 ประเทศ จำลองมาจัดแสดง พร้อมกับสินค้าคัดสรร พิเศษ ในงาน “Central European Flair” โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ร่วมกับสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อผู้เข้าร่วมงานรู้สึกเสมือนท่องเที่ยวในยุโรป
หอนาฬิกาบิ๊กเบน ขนาดใหญ่สูง 13 เมตร เด่นเป็นสง่าล้อมรอบด้วยสวนหย่อมสไตล์อังกฤษบริเวณลานมรกต, หอ ไอเฟล ที่ตั้งตระหง่านกลางโถงเปียโนสูงไปจนถึงชั้น 7 ผสานกับบรรยากาศรอบข้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางกรุงปารีส และหอเอนปิซ่า โดดเด่นบริเวณล็อบบี้ เล้าจน์ ชั้น 1
นอกจากนี้ยังมีการแสดงพิเศษสั่งตรงมาจากยุโรป เฉพาะในวันที่ 6-9 มี.ค. นี้ ได้แก่ การทำรองเท้าจากปรมาจารย์ด้านทำรองเท้าจากอิตาลี Mr.Rolando Seagalin ที่พร้อมตัดเย็บรองเท้าคู่พิเศษในราคาเริ่มต้นคู่ละ 20,000 บาท, โชว์การทำหน้ากาก โดยช่างมีชื่อเสียงอันดับ 1 ของโลก Guerieno Lovato
ลีลาการแสดงมูแรงรูจ กำหนดในวันที่ 20-23 มี.ค. นี้ รวมถึงการขับร้อง La Soprano ของสาวโซปราโน แคโรล บอย เฟอร์รอน และอีกหลากหลายกิจกรรม เฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ อาทิ การแสดงตุ๊กตาหุ่นมือ พันช์และจูดี้ ละครหุ่นพื้นเมืองของอังกฤษ, การแสดงวงปี่สก็อต, การแสดงชาลีแช็ปปลิ้น, ทหารยามพระราชวังบักกิ้งแฮม จากอังกฤษ และการแสดงแอ็คคอร์เดียน จากฝรั่งเศส ฯลฯ.
งานแสดงศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ตลอดจนสินค้าจากทวีปยุโรปครั้งแรกในประเทศไทย “Central European Flair” ในวันที่ 6-25 มี.ค. 2551 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาชิดลม พิเศษสุดกับการจัดแสดงประวัติความเป็นมาและความสำคัญของมงกุฎจำลององค์สำคัญของราชวงศ์อังกฤษ 5 องค์
พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด มีความสำคัญเหนือพระมหามงกุฎองค์อื่น ๆ ประจำเครื่องราชกกุธภัณฑ์อังกฤษ เนื่องจากพระประมุข พระองค์ใหม่แห่งสหราชอาณา จักรใช้ทรงเพียงครั้งเดียว ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์การขึ้นครองราชย์โดยสมบูรณ์ เป็นมงกุฎทองคำประดับอัญมณีเทียมและการลงยา ในปี 2454 นำพลอยเนื้ออ่อนประดับเสริมพร้อมทั้งใช้ลูกปัดทองคำแท้ชุบพลาตินั่มตกแต่งแทนที่มุกเทียมเดิม
พระมหามงกุฎประจำองค์พระประมุข อลังการเหนือมงกุฎประจำเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของเครือสหราชอาณาจักร สร้างในปี 2381 เพื่อใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย และตกแต่งใหม่สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 6 เมื่อปี 2480 และสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2496 ประดับด้วยอัญมณีโบราณ แผงกลางพระมหามงกุฎประดับทับทิมเจ้าชายดำ และแซฟไฟร์แห่งพระราชวงศ์สจ๊วต กระทั่งพระราชวงศ์อังกฤษได้ครอบครอง “ดวงดาวที่ 2 แห่งแอฟริกา” เพชรเม็ดใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกในขณะนั้น จึงย้ายแซฟไฟร์แห่งพระราชวงศ์สจ๊วตประดับด้านหลังพระมหามงกุฎ เพชรคัลลินานประดับบนตัวมงกุฎบริเวณด้านล่างของทับทิม เจ้าชายดำ พบครั้งแรกในแอฟริกาเมื่อปี 2448 เป็นส่วนหนึ่งของเพชรที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยน้ำหนัก 3,601 กะรัต พระราชาธิบดีเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ตัดสินพระทัยตัดแบ่งเป็น หลายชิ้น ชิ้นใหญ่ที่สุดนามว่า “คัลลินาน 1” หรือ “ดวงดาวแห่งแอฟริ กา” ส่วนชิ้นใหญ่รองลงมาเรียกขาน “คัลลินาน 2” หรือ “ดวงดาวที่2 แห่งแอฟริกา” ทั้งนี้ ดวงดาวแห่งแอฟริกาประดับบนพระมหาคทาของพระราชวงศ์อังกฤษ ส่วน “ดวงดาวที่ 2 แห่งแอฟริกา” ประดับบนพระมหามงกุฎแห่งราชวงศ์และ แซฟไฟร์ เซนต์ เอ็ดเวิร์ด ประดับ เป็นสง่าบนกางเขนมาลตีส บนยอดพระมหามงกุฎ อีกทั้งยังประกอบด้วยอัญมณีล้ำค่าหลายชิ้นประกอบด้วยทับทิม 4 เม็ด มรกต 11 เม็ด แซฟไฟร์ 17 เม็ด มุก 277 เม็ด และเพชรอีก กว่า 3,000 เม็ด
รูปลักษณ์ พระมหามงกุฎเพชรแห่งองค์สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย แตกต่างจากพระมหามงกุฎองค์อื่นในพระราชวงศ์อังกฤษ ด้วยน้ำหนักเบาและรูปแบบเน้นความสง่างาม ต่อยอดมงกุฎด้วยซุ้มโค้งที่มีลูกโลกประดับกึ่งกลาง และ เหนือลูกโลกประดับกางเขน ส่วนฐานของซุ้มโค้งต่อยอดมาจากลายประดับกางเขนอีก 4 ชิ้น ประดับเหนือฐานมงกุฎโดยมีลายดอกเฟลอร์เดอลีส์ ประดับคั่นลายกางเขนเหล่านี้
แต่พระมหามงกุฎแห่งองค์สมเด็จ
พระราชินีนาถวิคตอเรียไม่มีพระมาลา ประกอบ ตัวพระมหามงกุฎประดับเพชร 1,187 เม็ด ไม่มีอัญมณีสีประดับตกแต่ง เพื่อทรงสามารถใช้ร่วมกับไว้ทุกข์ได้ สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียโปรดเกล้าใช้งบประมาณส่วนพระองค์ ทำพระมหามงกุฎองค์นี้เพื่อใช้เป็นของส่วนพระองค์ เนื่องจากพระมหามงกุฎประจำองค์พระประมุขมีน้ำหนักมาก อีกทั้งกระบวนการสั่งเบิกพระมหามงกุฎจากหอคอยลอนดอนมีขั้นตอนยุ่งยาก
มงกุฎแห่งองค์สมเด็จพระบรมราชชนนี เพชรประดับรวม 2,800 เม็ด จัดทำขึ้นในปี 2480 เพื่อใช้ในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระมเหสีในสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 6 ใช้เครื่องรัดเกล้าเดิมของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียเป็นฐาน แต่ประดับเพชรรอบตัวรัดเกล้าและต่อยอดจากฐานด้วยลายกางเขนและลายดอกเฟลอร์เดอลีส์ ประดับอัญมณีล้ำค่า โดยมีเพชร “โคอินูร์” ประดับตรงกางเขนหน้ามงกุฎเหมือนมงกุฎที่ทำถวายสมเด็จพระราชินีแมรี่ ส่วนซุ้มโค้งประดับเพชรเหนือมงกุฎต่อยอดจากลายกางเขนทั้งสี่ด้านของฐานมงกุฎ กึ่งกลางซุ้มมีลูกโลกเพชรประดับและเหนือลูกโลกมีลายกางเขนประดับเพชรเม็ดใหญ่ และซุ้มโค้งประดับเพชรนี้สามารถถอดออก ตัวมงกุฎมีโครงสร้างพลาตินั่ม พระมาลากำมะหยี่สีม่วงติดด้านใน
มงกุฎแห่งองค์สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 4 หนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระประมุขสหราชอาณาจักร สร้างล้อมพระมาลากำมะหยี่เดิมของพระเจ้าจอร์จที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2363 สำหรับทรงสวมตลอดพระราชพิธีงานขบวนเข้าสู่วิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประดับเพชร 1,333 เม็ด รวม 327.75 กะรัต มุกรายล้อมบริเวณรอบตัวฐาน 169 เม็ด ยอดมงกุฎมีลายกางเขนประดับเพชร 4 ด้าน พร้อมประดับช่อกุหลาบ ธิซเซิล และแช็มร็อคเพชร 4 ช่อ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์
พระมหาคทา ในพระหัตถ์ขวาผู้เป็นพระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตัวพระมหาคทาทำจากทองคำประดับอัญมณีหลายชิ้นรวมถึง “ดวงดาวแห่งแอฟริกา” ที่เชื่อกันว่าเป็นเพชรเม็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านล่างเป็นอเมธีสต์ ยอดพระมหาคทาเป็นกางเขนฝังเพชรใจกลางประดับมรกต.

No comments: