จิตใจปกติเป็นอย่างไร?
Do you know what a normal mind is?
นั่งรถกับคนเป็นโรคจิต Sitting with the abnormal on the car.
วันหนึ่ง ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่มอายุ ๒๗ ปีคนหนึ่ง ซึ่งเคยมาเรียนไท้เก็กกับ
Once a day I've got tel. call from a guy about 27 year. He has had studied taijiqian with me 3 years ago
ฉันประมาณ ๓ ปีก่อนหน้านั้น เขามาเพียง ๓ หรือ ๔ ครั้ง แล้วก็หายหน้าไป วันนั้น เขาโทรมาเพื่อ
,But He come to study just about 3-4 times only . That day he has called me to request the book named "ใบไม้กำมือเดียว(leaf on once hand)"
ขอหนังสือเรื่อง ใบไม้กำมือเดียว จากดิฉัน ดิฉันจึงพูดกับเขาว่า หากมีเวลา ควรมาเรียนไท้เก็กกับ
From me. I've told him that. "If you have the time to study Tai ji qian. Please come to study together.
ฉันอีก แล้วดิฉันจะได้สอนเรื่องการฝึกสติปัฏฐานให้ เพื่อเขาจะสามารถเข้าใจหนังสือของดิฉันได้ดี ขึ้น
พอดีชายหนุ่มคนนี้อยู่ใกล้บ้าน ดิฉันจึงรับอาสาที่จะรับไปมหาวิทยาลัยในรถของดิฉันด้วย เมื่อชวนคุย ดิฉันจึงทราบว่า เขาเพิ่งฟื้นตัวจากโรคจิตเภทชนิดหนึ่ง ยังอยู่ในการดูแลของคุณ
Fortunately this guy are near my home. So i offer him to take him with my car.
When i talking to him. I know surly that he has cured himself from "A kind of brain problems" He still under the psycho doctor cares.
หมอโรคจิต รักษาด้วยยาและทำจิตบำบัดอยู่ บอกว่า สาเหตุที่เขาต้องการหนังสือของดิฉันเพราะดิฉันได้พูดเรื่องการทำใจให้ว่าง
He curing him by the new generation medicine and he has the progress of brain examination said. That he want this book to make himself calm down.
จากความคิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของเขาตั้งแต่แรก
ดิฉันไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว ถึงแม้รู้ว่ากำลังนั่งรถไปกับคนที่จิตใจไม่ค่อยปกติก็ตาม รู้สึก
I didn't feel fear or afraid. Even i known that i am sitting with the psycho person.Feel pity
สงสาร จึงพยายามให้เขาพูดถึงปัญหาส่วนตัวที่ทำให้จิตใจของเขาไม่ปกติ ซึ่งดิฉันสรุปได้ว่าชาย
So i asking him the deep problem that making him becoming like this.
หนุ่มคนนี้ได้สูบกัญชาในช่วงที่เขามาเรียนไท้เก็กกับดิฉัน ในใจของเขาจึงสร้างเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมา
He said that he taking the opium. Between at the time that. We have taijiqian lesson. So his head making everything are real.
ซึ่งเขาคิดว่าจริงไปหมด หลังจากที่ได้อ่านหนังสือของดิฉันครั้งแรกซึ่งดิฉันได้พูดเรื่อง
After he read that book. That telling him to making mind stay calm.
ใจว่างจากจิต void และเรื่องการตรัสรู้ enlightenment นั้น เขาเชื่อว่าเขาได้บรรลุธรรมและตรัสรู้
From the void and the enlightenment that making him to reach the enlightenment.
แล้ว ดิฉันเดาว่า คุณแม่ของเขาคงได้ทำลายหนังสือเล่มนั้นไปแล้วเมื่อลูกชายมีความเจ็บป่วยทาง
And i've predict that his mother has had discard that book since she known that he has psycho problems.
ใจ จึงเป็นสาเหตุที่ชายหนุ่มคนนี้ต้องการได้หนังสือของดิฉันไปอีกเล่มหนึ่ง แต่ดิฉันก็ตัดสินใจไม่
And this guy trying to get this book from me. So i refused. Or he may being more or even worse.
ให้หนังสือของดิฉันแก่ชายหนุ่มคนนี้ เพราะคิดว่าจะไปทำให้จิตใจของเขาสับสนมากกว่าที่เป็นอยู่
We ought let the Dr. to cure him to making him to be normal 1st, But "THIS" is the true problem. Nobody known that what is the "absolute normal!?!?"
ควรให้คุณหมอโรคจิตรักษาจนกว่าจิตใจของเขาจะเป็นปกติเสียก่อนดีกว่า แต่นี่แหละคือตัวปัญหาที่แท้จริง มีใครรู้จริง ๆ หรือไม่ว่า “จิตใจที่ปกติจริง ๆ” นั้นเป็นอย่างไร
โรคจิตไม่มีแผล psycho are no scar
โรคจิตเป็นโรคที่ซับซ้อน ยากที่จะรักษา เพราะไม่มีแผลให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือน
Psycho are the complicate disease. Hard to cure, Because they are no clearly scar like the body scar
โรคกายซึ่งเป็นเรื่องตรงไปตรงมา ใครไม่สบายกายก็ไปหาคุณหมอ ท่านสำรวจโรคและให้ยา
Who sick just go to Dr. Observate and X-ray and then gives you the medicine.
มารับประทานเพื่อแก้โรคนั้น ๆ แต่แผลใจไม่มีรอยช้ำ อักเสบ ขูด ข่วน เป็นหนอง หรือ แตกหักให้
,But psycho are none clearly damages. Those are connected to the memory ,thinking, and the feeling. And those are nothing, And how could you judge that he has those problem?
เห็นอย่างชัดเจน ความเจ็บป่วยทางจิตใจเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับ ความคิด ความจำ ความรู้สึก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างทั้งสิ้น แล้วเราจะรู้หรือตัดสินได้อย่างไรว่า ความเจ็บป่วยของจิตใจเป็นอย่างไร
ความรู้ทางการแพทย์เชื่อว่า จิตใจอยู่ที่สมอง ฉะนั้น การรักษาโรคทางจิตใจ คือ การไปรักษาที่สมอง ฉะนั้น เรามาดูกันก่อนว่า ผู้เชี่ยวชาญทางจิตใจ mind expert ได้ถกเถียงเรื่อง จิตใจ ว่าอย่างไร ดิฉันอ่านบทความนี้จากผู้วิจารณ์หนังสือ ชื่อ A.C. Grayling วิจารณ์หนังสือชื่อ Consciousness ซึ่งแปลว่า ความรู้สึกตัว เขียนโดย Rita Carter ซึ่งพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Daily Mail วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๐๐๒ เขาพูดว่า
โดยประเพณีแล้ว ปัญหาของจิตใจ mind และความรู้สึกตัว consciousness อยู่ในเครือข่ายของปรัชญา แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักประสาทวิทยา neurologists นักจิตวิทยา psychologists และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยร่วมมือกับนักปรัชญา ได้นำเสนอทฤษฎีและวิธีการใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เข้าใจเรื่องความรู้สึกตัวของมนุษย์ซึ่งล้วนมีพลังมาก แต่ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกิจกรรมบางส่วนของสมองแล้ว เช่น ส่วนที่เกี่ยวกับการเห็น การได้ยิน การใช้ภาษา การเคลื่อนไหว และ สิ่งอื่น ๆ มันก็ยังมีความลึกลับ และ ความคลุมเครืออยู่อีกมากมายทีเดียว บางคนก็บอกว่า ความรู้สึกตัว consciousness เป็นองค์กรที่อิสระจากสมองและวัตถุอย่างอื่น บางคนก็บอกว่า หัวสมองและจิตใจเป็นเรื่องเดียวกัน บางคนก็บอกว่าสมองเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดจิตใจ บางคนก็บอกว่า ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเป็นผลของกิจกรรมของสมอง บางคนก็พูดว่า เราไม่มีวันเข้าใจได้ว่าความรู้สึกตัวจะเกิดจากสมองได้อย่างไร และ ยังมีคนที่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ความรู้สึกตัว consciousness นั้นไม่มี
คุณเห็นได้ว่า บทสรุปสั้น ๆ ของคุณ A.C Graying ก็สามารถช่วยให้เราเห็นภาพรวมของความคิดของผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมองและจิตใจของมนุษย์ เมื่อพิจารณาจากการถกเถียงของผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตใจเหล่านั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่า พวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าใจเรื่องจิตใจอย่างทะลุปรุโปร่ง ว่ามันคืออะไรอย่างแน่นอน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะหากผู้ชำนาญทางจิตใจ mind experts ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจิตใจคืออะไร และทำงานอย่างไรแล้ว เขาจะรักษาคนไข้ที่เป็นโรคจิตให้กลับคืนสู่ความปกติได้อย่างไร และที่รักษากันอยู่นี้ เขารักษากันอย่างไร และตัดสินได้อย่างไรว่า จิตใจของคนไข้นี้หายเป็นปกติแล้วซึ่งต่างจาก คนที่จิตใจยังไม่หายเป็็นปกติอย่างไร เขาเอามาตรฐานอะไรมาวัดและตัดสินความปกติที่แตกต่างจากความผิดปกติ
เราจึงจำเป็นต้องเจาะลึกเข้าไปสู่เรื่องของจิตใจ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องความเป็นปกติของจิตใจ ว่ามันคืออะไรกันแน่ และมนุษย์เราจะเข้าถึงความเป็นปกตินั้นได้อย่างไร
sourced by ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ(Einstien asking and Buddha answer.)
No comments:
Post a Comment